(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ดาวโจนส์-ราคาน้ำมัน ฉุดฮั่งเส็งร่วง 948.71 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 8, 2007 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงอย่างหนักในวันนี้ (8 พ.ย.) หลังกระเตื้องขึ้น 2 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ รวมถึงปัญหาในตลาดสินเชื่อ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และเงินดอลลาร์ที่ร่วงลง
หุ้นบลูชิปเกือบทั้งหมดร่วงลงจากแรงเทขายทำกำไร ด้านหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งดีดตัวตลอดสองวันที่ผ่านมาก็ร่วงลง แม้มีความหวังว่าสภาพคล่องที่มีมากเกินในตลาดจะกดดันให้ธนาคารในฮ่องกงลดดอกเบี้ยเงินกู้อีกก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางตัวที่ปรับเพิ่มสวนกระแสตลาด เนื่องจากเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ของบริษัท
หุ้นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ หุ้นเฮนเดอร์สัน อินเวสเมนท์ ที่พุ่งขึ้นถึง 9% หลังเฮนเดอร์สันแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นของ ฮ่องกง แอนด์ ไชน่า แก๊ส (ทาวน์แก๊ส)
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 948.71 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 28,760.22 จุด หลังเคลื่อนไหวระหว่าง 28,545.7 และ 29,009.37 จุด
"ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นจีน" แมทธิว กว็อค หัวหน้านักวิจัยจาก Tanrich Securities กล่าว "ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติซับไพรม์ส่งผลให้นักลงทุนเร่งเทขายทำกำไรหลังดัชนีฮั่งเส็งดีดตัวขึ้นเมื่อสองวันที่ผ่านมา"
นายกว็อคกล่าวเสริมว่า แม้การปรับฐานลงในวันนี้จะหนักหน่วงเกินไปเล็กน้อย แต่ตลาดฮ่องกงจะยังมีอนาคตสดใสเนื่องจากมีรากฐานที่มั่นคง และจะไม่มีการปรับฐานอย่างรุนแรงในระยะเวลาอันใกล้
แม็ท แม็คคีธ จาก First State Investments กล่าวว่า มีความวิตกกังวลว่าความสูญเสียที่แท้จริงจากวิกฤติซับไพรม์อาจมีมากกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประเมินไว้ที่ 1-1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายแม็คคีธเชื่อว่า เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงรวมถึงปัญหาต่างๆที่รุมเร้าหลายภาคส่วนในสหรัฐ จะกดดันให้เฟดตัดสินใจยากขึ้นว่าจะใช้นโยบายใดต่อไปในการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายแม็คคีธกล่าวว่า "ถ้าเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงและอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นอีก" แต่ถ้ายังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมและปล่อยให้ปัญหาในตลาดซับไพรม์และตลาดสินเชื่อดำเนินต่อไปก็จะเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับตลาดวอลล์สตรีท
นายแม็คคีธเชื่อว่า คำถามที่อยู่ในใจนักลงทุนทั่วทั้งเอเชียคือ เศรษฐกิจเอเชียที่เฟื่องฟูจะสามารถลบล้างผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนในตลาดสินเชื่อของสหรัฐได้หรือไม่
หุ้นไชน่าโมบาย ตกลง 3.77%, หุ้น HSBC ลดลง 1.93%, หุ้นไชน่า ไลฟ์ ลดลง 3.93%, หุ้น CNOOC ร่วง 6.69% และ หุ้นซิโนเปค ร่วง 8.11%
หุ้นปิโตรไชน่า ร่วง 7.41%, หุ้นไชน่า เฉินหัว ลดลง 3.21% และ หุ้น ไชน่า โอเวอร์ซีส์ แลนด์ ขยับลง 1.25%
หุ้นฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ ตกลง 3.46% และ หุ้นฮัชชิสัน วอมเปา ลดลง 3.53%
หุ้นเฉินกง ลดลง 2.34%, หุ้นซันฮุงไกขยับลง 0.61% และ หุ้นซิโนแลนด์ ขยับลง 1.36%
หุ้นเฮนเดอร์สัน อินเวสเมนท์ พุ่ง 8.89%, หุ้นทาวน์แก๊ส เพิ่ม 4.35% และ หุ้นเฮนเดอร์สันแลนด์ ร่วง 6.33%
หุ้นปักกิ่ง แคปปิตอล แลนด์ ขยับขึ้น 1.74% และ หุ้นโซโห ไชน่า พุ่ง 9.76%
หุ้นแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ตกลง 4.53%, หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น ตกลง 3.36%, หถ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ตกลง 3.14% และ หุ้น ICBC ตกลง 4.07%
หุ้นฮั่งเส็งแบงค์ ขยับลง 0.62%, หุ้นแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย ตกลง 3.4% และ หุ้น บีโอซี ฮ่องกง ขยับลง 1.19%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ