นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4/64 คาดว่าผลการดำเนินน่าจะฟื้นตัวเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ผ่านจุดรุนแรงที่สุดไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา และแม้ปัจจุบันจะเริ่มมีการระบาดของสายพันธ์โอมิครอน แต่เชื่อว่าสถานการณ์คงไม่เลวร้ายถึงขั้นที่ภาครัฐจะมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ และปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนของคนในประเทศที่มีมากกว่า 70% น่าจะเป็นเกราะป้องกันการแพร่ระบาดได้ระดับหนึ่ง "แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19สายพันธ์โอมิครอนระลอกใหม่ แต่มองว่าคงไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา D ก็มีการปรับตัวตั้งรับกับการแพร่ระบาดมาตลอด มีการบริหารจัดการภายใน บริหารต้นทุน จัดการโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และต่อจากนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง เราน่าจะรับมืออยู่"นายพรศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ การปรับตัวของ D ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานของบริษัท แม้จะติดลบแต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 3/64 บริษัทขาดทุนสุทธิ 4.1ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 63 ที่ขาดทุนกว่า 16.6 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 ที่ขาดทุนสุทธิ 11.1 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างภายในของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินว่าในปี 65 ความต้องการใช้บริการทันตกรรมในประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้บริการสะสมจากช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการล็อกดาวน์เป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้สภาพสังคมในปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการบริการทันตกรรมเพื่อความงาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจของ D