นายวิลเลียม ฟาง กรรมการผู้อำนวยการ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทหรือกลุ่มตระกูลคูส์จากไต้หวัน มีความสนใจลงทุนธุรกิจแบงก์ในไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง ซึ่งได้คัดเลือกไว้เบื้องต้น 2-3 แห่งแล้ว
ทั้งนี้ กล่มตระกูลคูส์ มีความถนัดในธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงิน จึงมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนในไทย ซึ่งปัจจุบันกล่มตระกูล คู มีการลงทุนด้านสถาบันการเงินครบวงจร (Universal Banking) ในฮ่องกง และ ไต้หวัน
"หวังว่าประเทศไทยจะเป็นฐานการลงทุนอีกประเทศหนึ่งที่ลงทุนสถาบันการเงินเป็นหลัก แต่ต้องยอมรับว่า ขนาดตลาดหุ้นของไทย จำนวนผลิตภัณฑ์ยังมีขนาดเล็ก ต้องมีการพัฒนาในระยะยาว โดยเฉพาะอนุพันธ์ มองว่าปี 51 น่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาซึ่ง KGI มีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้ว" นายวิลเลียม กล่าว
ในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% จากปี 49 ที่มีรายได้ 1.1 พันล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันจากในปี 49 มีกำไรสุทธิ 181.93 ล้านบาท เนื่องจากมีสินค้าในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ทั้งในตลาดอนุพันธ์และตลาดหุ้น นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทยังคาดว่าจะรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 4% และติดใน 1 ใน 10 ของโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด
นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ บลจ.วรรณ โดยปีนี้ได้ออกกองทุน ETF ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ในตลาดหุ้นไทย ส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท คาดว่าในปี 51 ขนาดกองทุน ETF จะขยายเป็น 5 พันล้านบาทจากปัจจุบัน 2 พันล้านบาท
ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่ากลุ่มตระกูลคูส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ KGI จะถอนการลงทุนจากไทยย้ายไปเวียดนามนั้น นายวิลเลียม คิดว่าจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนในไทยนานพอสมควร หากไปลงทุนในเวียดนาม ก็น่าจะเป็นรูปแบบการร่วมมือ และความสัมพันธ์กับนักลงทุนในเวียดนามที่รู้จักและติดต่อกันอยู่แล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--