ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) หลังจากผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า วาณิชธนกิจรายใหญ่แห่งนี้จะไม่ได้รับผลกระทบมานักจากวิกฤตการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักได้กระตุ้นให้นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าตลาดเช่นกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 319.54 จุด หรือ 2.46% แตะระดับ 13,307.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 41.87 จุด หรือ 2.91% แตะระดับ 1,481.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 89.52 จุด หรือ 3.46% แตะระดับ 2,673.65 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.66 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.67 พันล้านหุ้น
นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับการแสดงความคิดเห็นของนายลอยด์ แบลงค์เฟน ซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์ ที่ว่า สถานะของโกลด์แมน แซคส์ในตลาดซับไพรม์ยังอยู่ในขั้นดี และเชื่อว่าโกลด์แมน แซคส์ จะไม่ต้องดำเนินการตัดบัญชีหนี้สูญในขณะนี้
นายท้อดด์ ลีออง นักวิเคราะห์จากโคเวนแอนด์โคกล่าวว่า "ข่าวจากโกลด์แมน แซคส์ ถือเป็นข่าวดีข่าวแรกจากธุรกิจบริการด้านการเงิน และยังช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากข่าวที่ว่า แบงค์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเมอร์ริล ลินช์ ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขขาดทุนและยอดตัดบัญชีหนี้สูญ"
"นักลงทุนต้องการฟังข่าวดีและข่าวที่เป็นจริง ที่ผ่านมานั้นปัญหาในตลาดสินเชื่อได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากสถาบันการเงินไม่ได้ออกมายอมรับตัวเลขขาดทุนและไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่เป็นความจริง จึงทำให้ภาพรวมคลุมเครือและยากที่จะประเมินแนวโน้มในอนาคตได้" นายลีอองกล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนขานรับรายงานจากบริษัทวอล-มาร์ทซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของโลกว่า ตัวเลขกำไรไตรมาส 3 ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้และส่งสัญญาณว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงวันหยุดนี้จะออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 3.45 ดอลลาร์ แตะระดับ 91.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศลดคาดการณ์ความต้องการพลังงานในไตรมาส 4 และปีหน้า และคาดว่าน้ำมันดิบสำรองจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 8.5% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกัน บวกขึ้น 5.2% ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ดีดขึ้น 6.1% หลังจากนายลี สก็อตต์ ซีอีโอของวอล-มาร์ท เปิดเผยว่าตัวเลขกำไรรายไตรมาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% และคาดว่ายอดขายในช่วงวันหยุดจะเพิ่มขึ้นเกินคาด
ส่วนหุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ของโลก ทะยานขึ้น 2.3% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลง 26.8% เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาลงก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--