นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) (FPCT) ในเครือ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทจะรุกขยายพอร์ตรีเทลด้วยโครงการใหม่ สีลมเอจ (Silom Edge) เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ พร้อมเป็นแพลตฟอร์มให้ทุกธุรกิจเริ่มต้นได้ง่าย ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ ครอบคลุมทุกความต้องการ (All Inclusive Services)
ปัจจุบันสีลมเอจอยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ พร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย. 65 ซึ่งจะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการทุกช่วงเวลา ด้วยโซนรีเทลที่ทำการเปิดตั้งแต่ 11.00 น.ถึงเที่ยงคืน และโซนพิเศษ 2 ชั้นแรกที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรองรับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และเครื่องจำหน่ายสินค้าคุณภาพด้วยระบบอัตโนมัติ
ทั้งนี้ สีลมเอจ โครงการมิกซ์ยูสสังคมแซนด์บ็อกซ์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ภายในโครงการจะประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานและรีเทล 7 ชั้น รวมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร พร้อมโซนเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืนทุกวันตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ รองรับกลุ่มผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพที่ต้องการทดสอบตลาดและวางจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มแซนด์บ็อกซ์ด้านรีเทล ทั้งยังส่งเสริมการทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัล (Cashless Society) และสนับสนุนการชำระค่าบริการด้วย คริปโตฯ และคาดว่าจะมีผู้เข้าใช้บริการในโครงการสีลมเอจไม่ต่ำกว่า 46,000 คน/วัน
นางสาวธีรนันท์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและ ความไม่แน่นอน คือการทลายทุกข้อจำกัด และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อยู่เสมอ ด้วยการปรับกลยุทธ์และแผนการตลาดอย่างทันท่วงที จะทำให้สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ เรายังปรับการดำเนินธุรกิจแบบ B2B เป็นแบบ Partnership ที่ช่วยให้เราใกล้ชิดกับลูกค้ามายิ่งขึ้น เราจึงเข้าใจถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริง ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
"แผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจของกลุ่มจะสามารถสร้างสีสันให้กับวงการรีเทลด้วยรูปแบบการให้บริการและกิจกรรมทางการตลาดที่น่าจับตามอง ซึ่งการเพิ่มโครงการใหม่อย่างสีลมเอจเข้ามาในพอร์ตรีเทล จะช่วยขยายขีดความสามารถในการรองรับดีมานด์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงให้แก่บริษัทฯอีกด้วย" นางสาวธีรนันท์ กล่าว
ด้านภาพรวมการดำเนินงานของศูนย์การค้าในพอร์ตของ FPCT ในช่วงปีที่ผ่านมา ในส่วนของโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แต่ FPCT ก็ยังคงรักษาอัตราผู้เช่าไว้ในระดับสูงที่ 98% ในพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร โดยหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศคลายล็อคดาวน์ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการในโครงการเพิ่มขึ้นทุกวันเฉลี่ย 55,000 คน/วัน สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อมาตรฐานความปลอดภัยของโครงการ
ประกอบกับ การดำเนินงานเชิงรุกหรือ Fluid Approach ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการดึงดูด Traffic ให้กับศูนย์การค้าที่เน้นการจับกระแสอย่างรวดเร็ว แล้วลงมือสร้างกิจกรรมทางการตลาดผ่านแคมเปญต่างๆ อย่างทันท่วงที สำหรับปี 65 นี้ สามย่านมิตรทาวน์ ได้เตรียมแคมเปญใหญ่ เรียนทาวน์ เพื่อตอกย้ำการเป็นแหล่งอาหารและการเรียนรู้ ประกอบกับการทำอีเว้นท์และคอนแทนท์ต่างๆในสามย่านมิตรทาวน์เพิ่มขึ้น และมีความหลากหลายที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของคนในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดรเว เพื่อผลักดันให้ Traffic ของสามย่านมิตรทาวน์ในปี 65 เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 70,000 คน/วัน
นางสาวธีรนันท์ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจรีเทลในปี 65 คาดว่าจะยังเป็นภาพที่คล้ายกับในปี 64 กลุ่มผู้เข้ามาใช้บริการยังคงเป็นคนในประเทศเป็นหลัก และการแข่งขันไม่ได้รุนแรง ยังคงเน้นไปที่การทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้บริการและจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการในร้านค้าที่อยู่ในศูนย์รีเทลเป็นหลัก ขณะที่ภาพรวมของกำลังซื้อในปัจจุบันคนในประเทศเริ่มระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จากความไม่แน่นอนของปัจจัยโควิด-19 ที่ยังมีอยู่
ส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมาอย่างชัดเจน และยังต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักใหญ่ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามามากขึ้น มองว่าจะเห็นผู้ประกอบการศูนย์รีเทลมีการแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เชื่อว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนไปจากการเดินทางไปใช้บริการศูนย์รีเทลขนาดใหญ่มาเป็นศูนย์รีเทลขนาดเล็กใกล้ที่พักอาศัยมากขึ้น และสามารถซื้อสินค้าและอาหารเล็กๆน้อยๆได้อย่างสะดวก