(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 137.54 จุด ขานรับ FED ลดดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 1, 2007 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีก 0.25% ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 137.54 จุด หรือ 1.00% แตะระดับ 13,930.01 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 18.36 จุด หรือ 1.20% แตะระดับ 1,549.38 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 42.41 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 2,859.12 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.57 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.75 พันล้านหุ้น
นายบรูซ แมคเคน นักวิเคราะห์จาก คีย์ ไพรเวท แบงค์ กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนหลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มเอนเอียงไปตามกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. แต่ต่อมาตลาดเริ่มคึกคักขึ้นเมื่อแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดระบุว่า เฟดมุ่งเน้นเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
ในการประชุมเฟดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาลง
"การที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในวันนี้ ก็เพื่อช่วยลดผลกระทบในตลาดการเงินและเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นในระดับปานกลาง นอกจากนี้ เฟดจะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินและจะประเมินเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน อีกทั้งจะดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยื่นยืน" แถลงการณ์เฟดระบุ
นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 3 ขยายตัวขึ้นในอัตรา 3.9% ต่อปี ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ระดับ 3.8%ต่อปี นอกจากนี้ มีรายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 เดือน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ