นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 ที่ 2,100 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากทุกธุรกิจของบริษัทที่มีการเติบโต ทั้งด้านธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ NGV ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้า Minbu ในประเทศเมียนมา กำลังการผลิตรวม 4 เฟสที่ 220 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เดินหน้างานก่อสร้างปกติ จากก่อนหน้านี้ได้มีการหยุดการพัฒนาไปค่อนข้างนาน เนื่องจากการระบาดโควิด-19 และรัฐประหาร เบื้องต้นภายในกลางปี 65 จะดำเนินการแล้วเสร็จในเฟสที่ 2 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ และในปี 66 แล้วเสร็จทั้งหมด 4 เฟส กำลังการผลิตรวม 220 เมกกะวัตต์ โดยในอนาคตจะมุ่งขยายธุรกิจพลังงานในเมียนมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 350 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) เพิ่มอีก 10 เมกะวัตต์ เงินลงทุน 300 ล้านบาท และธุรกิจกัญชงครบวงจร งบลงทุน 50 ล้านบาท
"ปัจจุบัน SCN พยายามกระจายความเสี่ยงของธุรกิจออกจากธุรกิจก๊าซ โดยที่ผ่านมาทางบริษัทยังได้สัมปทานขาย และซ่อมรถเมล์ ให้กับ ขสมก. มูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันยังดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงธุรกิจด้านไอทีที่จำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และเอกชน ธุรกิจด้านการขนส่งที่จะมีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ หลังจากช่วงปลายปีได้รับงานใหม่ ในการขนส่ง และผลิตก๊าซให้ ปตท. และจะช่วยผลักดันยอดขายก๊าซ"นายฤทธี กล่าว
ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญา กับ บริษัท Shizuoka Gas Company Limited หรือ SZG เพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (Thai-Japan Gas Network หรือ TJN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCN ที่จะเน้นดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาคุณภาพ และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ รวมถึงก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) และก๊าซธรรมชาติเหลว (iLNG) ไปยังลูกค้าภูมิภาคต่างๆ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีจากนี้ จะส่งเสริมให้บริษัทมียอดขาย iCNG จากปริมาณเดิม 5,000 ล้านบีทียู (MMBTU) ต่อวัน ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 10,000 ล้านบีทียู (MMBTU) ต่อวัน หรือคาดว่าจะสร้างรายได้ให้สูงขึ้นถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี จากเดิมประมาณ 500 ล้านบาท
โดยสัดส่วนการร่วมลงทุน แบ่งเป็น บริษัท Shizuoka Gas Company Limited มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 49% ส่วน SCN มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 51% ซึ่งโครงการมีมูลค่ากว่า 639 ล้านบาท ด้วยทุนจดทะเบียน 412 ล้านบาท และภายหลังจากเซ็นสัญญาตามที่กล่าวมาข้างต้น ทาง SCN จะได้รับเงินสด จำนวน 313 ล้านบาท เข้ามาในบัญชีทันทีตั้งไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป