นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เปิดเผยว่า กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจปี 65 บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนสำหรับขยายธุรกิจไว้ที่ประมาณ 500-600 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในธุรกิจปลายน้ำ รวมถึงธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และส่วนธุรกิจซ่อมบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้ม
สำหรับธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และบริษัทมีความพร้อมที่จะรับงานใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่วนธุรกิจซ่อมบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้ม ตอนนี้มีกำลังการซ่อมอยู่ที่ประมาณ 4.3 แสนใบต่อปี ซึ่งทำให้สามารถประหยัดต้นทุน และควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 7.65 แสนตัน จากปี 64 ที่มียอดขายเท่ากับ 7 แสนตัน จากการเพิ่มจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนจำนวน 20 แห่งทั่วประเทศในปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถขยายฐานกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมียอดส่งออกมาช่วยหนุน ปัจจุบัน WP มีส่วนแบ่งการตลาด LPG อยู่อันดับ 2 หรือคิดเป็น 18% ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน
นางสาวชมกมล กล่าวว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนปีนี้จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) รับทราบมาตรการดูแลราคาก๊าซหุงต้ม LPG ที่ระดับ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมจะสิ้นสุดในเดือน ม.ค.65 จากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งทางกระทรวงฯ เตรียมปรับราคาก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดในวันที่ 1 ก.พ.65 ส่งผลทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
"จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นทำให้ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่จะเพิ่มเป็น 30% ส่วนธุรกิจ LPG จะลดลงเหลือ 70% จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรเกือบทั้งหมดมาจากธุรกิจ LPG ซึ่งบริษัทยังมุ่งเน้นขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ LPG เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักและเสริมศักยภาพในส่วนของรายได้และกำไร รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น"นางสาวชมกมล กล่าว