นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะโตได้ถึง 60-70% ซึ่งดีกว่าที่คาดว่าไว้ที่ 30%เมื่อต้นปีค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 300 รายแล้ว และในไตรมาส 4/50 คาดว่ารายได้จะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/50 โดยมีแนวโน้มที่จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะต้องปรับราคาถ่านหินในปี 2551 เพื่อสะท้อนต้นทุนถ่านหินและค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ราคาถ่านหินและค่าระวางเรือได้ปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าถึงแนวโน้มปี 2551 ประเมินเบื้องต้นว่า รายได้จะเติบโตไม่ต่ำร้อยละ 30 จากรายได้รวมปี 2550 หรือไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เนื่องจากการใช้ถ่านหินขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบด้านราคาน้ำมันเตาที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหลายรายหันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทที่จะลงทุนใหม่จะตัดสินใจเลือกใช้หม้อไอน้ำถ่านหินเนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการถ่านอัดก้อน (Briquette) ที่ได้เริ่มขายสินค้าแล้วในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ซึ่งคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2551 ซึ่งจะมาช่วยเสริมการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 เป็นต้นไป
ในปีหน้าบริษัทยังคงตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 25-30 เช่นเดิม อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสปรับเพิ่มสูงกว่าเป้าหมายได้ เนื่องจากบริษัทมีโครงการเสริมที่จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เช่น โครงการท่าเทียบเรือและคลังสินค้าที่ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โครงการคลังสินค้าที่จังหวัดอยุธยา และโครงการของบริษัท ยูเอ็มเอส ไลท์เตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในการดำเนินการบริหารเดินเรือโป๊ะ เพื่อลดการจ้างเรือโป๊ะจากบริษัทภายนอกลง
"จากปัจจัยทั้งด้านรายได้ที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งจากการขยายฐานลูกค้าและการปรับราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง ส่งผลให้ปี 2551 น่าจะเป็นปีที่ดีต่อเนื่องอีกปีหนึ่งของ UMS" นายชัยวัฒน์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--