นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กบข.เตรียมลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวที่มีอายุ 5 ปีลง และหันมาเพิ่มน้ำหนักการถือครองพันธบัตรที่มีอายุสั้นลงเหลือประมาณ 3-4 ปีมากขึ้น เพื่อผลักดันให้ผลตอบแทนโดยรวมของ กบข. ในการลงทุนในตราสารหนี้ให้ได้ตามเป้าหมายที่คณะกรรมการลงทุนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศในช่วงปลายปีคาดว่าจะทรงตัว และเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กบข.ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศในสัดส่วนกว่า 67.03% ให้ผลตอบแทนกว่า 6.23% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ใหญ่ 5 ธนาคาร ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 3.63% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.0%
สำหรับนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ของ กบข.จะมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันในส่วนของการลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชน กบข.ยังมีการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เพื่อผลักดันให้ผลตอบแทนโดยรวมออกมาสูงตามเป้าหมาย
“พอร์ตการลงทุนตราสารหนี้ของ กบข. มีทั้งในส่วนของพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้ภาคเอกชน แต่จะพิจารณาในส่วนของหุ้นกู้ของบริษัทที่มีศักยภาพ และมีพื้นฐานแข็งแกร่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงลงทุน และทำให้ผลตอบแทนโดยรวมได้ตามเป้า" นายวิสิฐกล่าว
สัดส่วนการลงทุนของ กบข. ปัจจุบันนั้นแบ่งเป็นการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ 67.03% ตราสารทุนในประเทศ 12.37% ตราสารต่างประเทศร้อยละ 12.36 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3.87% และการลงทุนทางเลือก 4.37% โดยปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 375,440.43 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--