บล.เคทีบี มองว่าราคาที่เหมาะสมของบมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) ปี 51 ที่ 4.00 บาท (PE 10x) และศักยภาพในการเติบโตของกำไรในอนาคตที่มีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 7%ต่อปี (Conservative) โดยคาดบริษัทฯจะให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5-6% ต่อปี โดยรายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 467 ล้านบาท
ในปี 2549 ขยายตัวมากกว่า 3 เท่าภายในเวลาเพียง 2 ปี ขณะที่มี Net Margin อยู่ระหว่าง 15 -19%.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมี D/E ในระดับต่ำเพียง 0.6x
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าอุตสาหกรรมการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมยังมีโอกาสการเติบโตสูง โดยปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 1 แสนโรงงาน ซึ่งตามข้อกำหนดของทางการมีโรงงานที่จะต้องจัดเก็บขยะอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดให้ถูกต้องกว่า 6 หมื่นโรงงาน นับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯทั้งหมด แต่พบว่ามีโรงงานที่จัดเก็บเข้าระบบจริงเพียง 5 พันโรงงานเท่านั้น โดยในส่วนนี้เป็นลูกค้าของบริษัทฯมากกว่า 1 พันราย จึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
ขณะที่ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นช่วยหนุนการทำตลาดของ BWG เนื่องจากภาวะมลพิษต่างๆ ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เข้มงวด และกระจายทั่วถึงไปสู่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานร่วมกับเอกชนเพื่อสอดส่องดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจการบริการจัดเก็บปฏิกูลสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ คาดว่าผลการดำเนินงานของ BWG ปี 2550 จะเติบโตถึง 50% อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจากบริษัทหันมาเน้นให้บริการสิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายที่มีอัตราการให้บริการสูงกว่า ทำให้กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท
ขณะที่ปี 2551 รายได้ของบริษัทยังคงเติบโต 19% อยู่ที่ 831 ล้านบาท จากการขยายธุรกิจปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่
เป็นของเหลวและของแข็ง ทำให้กำไรสุทธิในปี 2551 อยู่ที่ 144 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2550 และปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 0.21 บาทตามลำดับ Fair Price ปี 50 และ 51 เท่ากับ 3.46 บาทและ 4.06 บาทตามลำดับ โดยใช้วิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 12.5% เทียบเท่ากับ P/E Ratio ที่ระดับ 9 เท่าหรือ PBV ที่ 1.7 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล(Dividend yield) เท่ากับ 5.2%
ด้านบล. ไอ วี โกลบอล ระบุว่าจุดเด่นของ BWG ซึ่งดำเนินธุรกิจกำจัดกากขยะด้วยวิธีฝังกลบ และเป็นอุตสาหกรรมที่ยังมี
ช่องว่างในการดึงลูกค้าจากนอกระบบเข้าสู่ระบบได้อีกมาก จากปริมาณกากที่เข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมาก คิดเป็นไม่ถึง 5% สำหรับ Non-Hz และ ไม่ถึง 10% สำหรับ Hz โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือกฏระเบียบของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้นเติบโตสูงจนครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้ง Non-Hz และ Hz
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2550 ของบริษัทไว้ที่ 94 ลบ. เติบโต 31.8% และ 113 ลบ.เติบโต 22.3% สำหรับปี 2551 โดยแนวโน้มการเติบโตในปี 2550-2551 นี้จะมาจากการขยายฐานลูกค้าประเภท Hz และ โครงการ Blending ซึ่งเริ่มในเดือน ก.ย.2550 สำหรับ Liquid blending และ ต้นปี 2551 สำหรับ Solid project
ความเสี่ยงหลักสำหรับประมาณการณ์ คือ อัตรากำไรขั้นต้น Fair Value 3.5 บาท (10x 2551 PER) Upside คือโครงการเตาเผาฯ Downside คือคดีฟ้องร้องฯ ประเมินมูลค่าของ BWG ได้ที่ 3.5 บาท (อ้างอิง 10 เท่า PER ปี2551)
ขณะที่ บล.สินเอเซีย คาดว่า กำไรปกติของ BWG จะเพิ่มขึ้นตามจากภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ทำให้แนวโน้มสิ่งปฏิกูลจากอุตสาหกรรมในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเข้มงวดของภาครัฐ ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธุรกิจการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว ยังคงมีโอกาสในการขยายตัวต่อไปในอนาคตประเมินมูลค่าของ BWG โดยใช้วิธี P/E Ratio ที่ 10 เท่า และใช้ EPS จากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้นจะได้ราคาเป้าหมายที่ 3.78 บาทต่อหุ้น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--