รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการให้ บมจ. อสมท (MCOT) ขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ โดยวิธีการประมูล ทั้งนี้ อสมท จะสิ้นสุดการใช้คลื่นความถี่ในวันที่ 3 เมษายน 2565 ซึ่งบมจ.อสมท ถูกจัดอยู่ในประเภทกิจการธุรกิจที่ต้องขออนุญาตใช้คลื่นด้วยวิธีการประมูล ดังนั้น บมจ.อสมท จึงต้องคืนคลื่นความถี่ และเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ เพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกประกาศเชิญชวน เรื่อง การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ และได้ประกาศราคาประมูลตั้งต้นแล้วเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 โดย กสทช. จะเปิดยื่นคำขอรับใบอนุญาตในช่วงระหว่างวันที่ 17-25 มกราคม 2565 และจะจัดการประมูลในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565
อย่างไรก็ตาม บมจ. อสมท ได้ประมาณการรายได้ เงินลงทุน ต้นทุนการผลิต และการดำเนินงาน โดยวิเคราะห์จากแนวโน้มของตลาดและความต้องการของผู้ฟัง โดยมีทางเลือกในการประมูลดังนี้ คือ
ทางเลือกแรก ประมูลคลื่นความถี่วิทยุเพื่อประกอบกิจการกระจายเสียงตามที่เคยถือครองทั้งหมด จำนวน 60 คลื่นความถี่ โดยพิจารณาจากการรักษาความเป็นหนึ่งในการเป็นผู้ให้บริการที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทางเลือกที่ 2 ประมูลคลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการกระจายเสียงบางส่วนจากที่เคยถือครอง โดยพิจารณาจากผลประกอบการที่ผ่านมา โอกาสในการทำธุรกิจในรอบระยะเวลาของใบอนุญาต ความเป็นไปได้ในการบริหารต้นทุน และความคุ้มค่าของการลงทุนเป็นหลัก
ขณะที่ปัจจัยที่ใช้กำหนดทางเลือกการประมูลคลื่นความถี่ มาจากแผนยุทธศาสตร์องค์กร แนวโน้มตลาด พฤติกรรมการรับฟังของผู้บริโภค ความคุ้มค่าในการลงทุนของแต่ละทางเลือก และศักยภาพในการผลิตรายการวิทยุของ บมจ.อสมท โดยราคาประมูลตั้งต้นจะเป็นไปตามที่ กสทช.กำหนด ส่วนราคาที่จะประมูลเพื่อให้ได้มาในแต่ละคลื่นความถี่นั้น ทาง บมจ.อสมท จะพิจารณาถึงความเหมาะสมที่ บมจ. อสมท จะจ่ายได้เมื่อเข้าสู่การประมูลจริง โดยจะเป็นราคาที่ทำให้มีความคุ้มค่าในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ทางการเงิน จะมีการทบทวนและปรับปรุงให้เหมาะสมก่อนการเข้าร่วมประมูล
สำหรับ บมจ. อสมท เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันดำเนินกิจการวิทยุกระจายเสียง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิ ภาคผ่านระบบเอฟเอ็ม จำนวน 60 สถานี โดยให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ 92.4% และมีประชากรในเขตพื้นที่เป้าหมายที่ให้บริการ 93.8%