SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,660.27 จุด ลดลง 16.60 จุด (+0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 113,953.45 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงค่อนข้างแรงตามตลาดภูมิภาคหลัง Bond Yield พุ่งกังวลเฟดใช้นโยบายการเงินตึงตัวเร็ว-แรง ส่งผลเกิดแรงขายทำกำไรกระจายทุกกลุ่ม ส่วนทิศทางดอกเบี้ยในประเทศเชื่อว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แนวโน้มพรุ่งนี้คาดมีแรงเหวี่ยงกลับ พร้อมให้แนวรับ 1,658 และ 1,650 จุด แนวต้าน 1,670 และ 1,680 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,660.27 จุด ลดลง 16.60 จุด (+0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 113,953.45 ล้าน บาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยผันผวนช่วงต้นเคลื่อนไหวในแดนบวกจากนั้นพลิกมาเคลื่อนในแดนลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,682.93 จุด และระดับต่ำสุด 1,66.15 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 398 หลักทรัพย์ ลดลง 1,496 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 340 หลักทรัพย์
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรงตามตลาดภูมิภาค ทั้งเกาหลี ไต้หวัน และสิงคโปร์ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นมาล่าสุดขึ้นไปที่ 1.83% ทำให้เกิดความกังวลนโยบายการเงินตึงตัวของสหรัฐอาจจะเร็วและแรงกว่าคาด ทำให้ตลาดฯเกิดความผันผวน โดยที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ปรับขึ้นมามากแล้ว จึงมีแรงขายทำกำไรออกมากระจายไปทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ดี สำหรับนโยบายการเงินในประเทศคงยังต้องผ่อนคลายต่อไป ดังนั้นมองว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยเร็ว
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีมีโอกาสเหวี่ยงกลับ พร้อมให้แนวรับที่ 1,658 และ 1,650 จุด แนวต้าน 1,670 และ 1,680 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,096.85 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
TKC มูลค่าการซื้อขาย 4,952.84 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,739.91 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 4,492.43 ล้านบาท ปิดที่ 6.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,787.51 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท