นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานปี 65 จะสามารถเติบโตตัวเลขสองหลัก (Double digit) หรือยอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาท โดยแผนการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/65 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Bioplastic ภายใต้แบรนด์ RosEco (Rose+Eco / circular economy) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร สอดคล้องกับทิศทางของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศและของโลก และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ จนถึงคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องขยะพลาสติก ภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้เพื่อให้ธุรกิจของ TWPC ครบทั้งวงจรของห่วงโซ่อุปทานอาหาร จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจ New start-up หรือธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อช่วยเสริมการเติบโตของธุรกิจหลักได้ ผ่านบริษัท ไทยวา เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพให้กับธุรกิจในเครือของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนใช้นวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนในการผลิต ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products & Services: HVA) และธุรกิจอาหารให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจแป้ง เช่น แป้งมันสำปะหลังดัดแปร สาคู และธุรกิจอาหาร เช่นเส้นก๋วยเตี๋ยว ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคทั่วโลก เช่นสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ และเม็ดไบโอพลาสติก
สำหรับความต้องการในผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังปี 65 คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการเพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร ขณะที่ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลังยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในทิศทางบวกตามความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังของตลาดชั้นนำอย่างจีน ในขณะที่ปริมาณหัวมันสำปะหลังในฤดูการผลิต ปี 64/65 คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 33.0 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณน้ำฝนที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง
ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ราว 300-400 ล้านบาท เพื่อนำไปดูแลงานบำรุงรักษาประจำปีจำนวน 100-150 ล้านบาท ส่วนงานปรับปรุงการผลิตจำนวน 100 ล้านบาท ธุรกิจพลาสติกชีวภาพเฟส 2 จำนวน 70 ล้านบาท และลงทุนในบริษัทไทยวา เวนเจอร์ส จำกัด จำนวน 30-60 ล้านบาท
"แม้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบบโดยตรงในแง่ของปริมาณการขาย จากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โคมิครอน แต่อาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาขาดแคลนเรือที่ต่อเนื่องมาจากปี 64 ส่งผลให้ลูกค้าหาเรือได้ไม่ทันตามกำหนด ซึ่งบริษัทได้มีการเตรียมรับมือในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของบริษัทจะถึงท่าเรือตรงตามกำหนด และสามารถส่งออกได้มากที่สุดตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งแนวโน้มการส่งออกปีนี้คาดว่าจะโตจากเดิมต่อเนื่อง รวมถึงจะมีการขยายการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากจีนและไต้หวันมากขึ้น เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป และเชื่อว่าแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังและความต้องการในผลิตภัณฑ์อาหารปีนี้ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องทั่วโลก" นาย โฮ เรน ฮวากล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้า สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และการบริการ รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก ผ่านทีมขายเชิงเทคนิคที่แข็งแกร่ง และแพลตฟอร์มดิจิทัลออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพตั้งแต่กระบวนการปลูก การผลิต ไปจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์การบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่นพลาสติกชีวภาพ อาหารเพื่อสุขภาพที่มีใยอาหาร และโปรตีนสูง หรือออการ์นิค รวมถึง Thai Wah Ventures ที่มุ่งเน้นลงทุนใน 4 ด้านหลัก ที่สอดคล้องกับธุรกิจปัจจุบัน เพื่อการเติบโตของธุรกิจและผลการดำเนินงานในอนาคต