นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะเสนอขายช่วงกลางเดือน ก.พ.65 ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อายุหุ้นกู้ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.10-4.30% ต่อปี ซึ่งบริษัทจะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง
และด้วยสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด ได้เพิ่มช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้ UNIQ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์หรือแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ BBB ซึ่งเป็นระดับ "ลงทุนได้" (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือขององค์กรอยู่ที่ "BBB+" แนวโน้ม "Negative"
"เราเชื่อว่า หุ้นกู้ UNIQ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ลงทุนในช่วงเวลานี้ และจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทสามารถลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่อีก 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 มูลค่าโครงการ 7,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของบริษัท 5,145.00 ล้านบาท เป็นการลงนามร่วมกับทางการพิเศษแห่งประเทศไทย
และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 มูลค่าโครงการ 28,306 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าเฉพาะสัดส่วนของบริษัทฯ 15,581.36 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นโอกาสในการขยายงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของยูนิค ในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ได้เป็นอย่างดี" นายเติมพงษ์กล่าว
UNIQ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารการจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดินทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์
รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน ลูกค้าของบริษัทจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมทางหลวง การไฟฟ้านครหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น เนื่องจากผลงานของบริษัทได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงคุณภาพและการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีโอกาสรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 บริษัทมีรายได้รวม 2,797.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 261.38 ล้านบาท คิดเป็น 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 2,535,84 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.85 ล้านบาท คิดเป็น 13.73% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 6.19 ล้านบาท
และ ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 24,204.25 ล้านบาท งานในมือดังกล่าว ประกอบกับงานที่บริษัทได้ลงนามสัญญาเพิ่มในช่วงไตรมาส 4/64 จะทำให้บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 46,403.73 ล้านบาท รองรับรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องไปอีก 3-4 ปี