นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทได้เลือกจับมือกับบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นบริษัทที่มีธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องที่สุดในประเทศไทย เพื่อเพิ่มช่องทางความสะดวกในการเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมของบริษัท
สำหรับวัตถุประสงค์ของการพัฒนาบริการใหม่นี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของบ้าน หรือโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท โดยสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) ผ่าน Wallet ของ Bitkub โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ประกอบด้วยโครงการภายใต้แบรนด์ THE RICH,RICH PARK หรือทุกโครงการที่เปิดขาย โดยบริษัทจะเปิดรับเงินสกุลดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก โดยเงินสกุลเหรียญที่รองรับการทำธุรกรรมประกอบด้วย"BTC-ETH-USDT-KUB"
ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นโอกาสของการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการเป็นเจ้าของสินค้าและใช้บริการ โดยมองว่าปัจจุบันมีผู้สนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้มองว่าจะเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม NEW GEN ที่คุ้นเคยกับการใช้เงินดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบัน Bitkub เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล ขณะที่บริษัทฯได้ดำเนินการเปิดบัญชีกับ Bitkub เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้ลูกค้าสามารถให้ลูกค้านำเงินดิจิทัลมาใช้ร่วมกันได้ และมองว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและตอบโจทย์นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่
"บริษัทมั่นใจว่าการรับชำระเงินสกุลดิจิทัล จะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขาย(Presale) รวมอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีสต็อกที่พร้อมโอนจำนวน 6,100 ล้านบาท และบริษัทฯยังมองหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าใหม่ จากการเพิ่มงบโฆษณามากขึ้น และจัดการส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี ตอบโจทย์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อบ้านและคอนโดของRICHY ทั้งทำเลที่ดี ราคาที่โดนใจ โดยคาดว่าจะมีรายไดัจากกลุ่มลูกค้าใหม่ราว 40%"
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มพนักงานหรือนักศึกษา คนรุ่นใหม่ หรือนักลงทุน ซึ่งสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ชำระเงินดิจิทัลแทนเงินสด และในอนาคตคาดว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ใช้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีในชีวิตประจำวันได้เพิ่มเติม ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี