(เพิ่มเติม) MAJOR เน้นขยายสาขาตจว.ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 40%ใน 2-3 ปีจาก 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 28, 2007 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

           บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เดินหน้าขยายสาขาโรงภาพยนตร์และเลนโบลิ่งอย่างต่อเนื่อง เน้นสาขาต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าภายใน 2-3 ปีจะเพิ่มสัดส่วนสาขาต่างจังหวัดเป็น 40% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 20% ของสาขาทั้งหมด โดยในปีหน้า MAJOR จะลงทุนขยายสาขาไปพร้อมกับสาขาใหม่ของห้างบิ๊กซี 3 แห่ง คือ สาขา จ.อยุธยา, นวนคร และ ธัญญบุรี
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร MAJOR กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้าในด้านกำไรเติบโต 30% ขณะที่รายได้ จะเติบโต 25-30% ในระดับเดียวกับปีนี้ เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์รอเข้าฉาย ไม่ว่าจะเป็น Harry Potter ภาคใหม่ , สมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 , องค์บาก ภาค 2 ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้เข้าชมจะมีเพิ่มขึ้น และจะทำให้รายได้หลักของ MAJOR สูงขึ้นด้วย
รวมถึงการที่บริษัทเข้าไปร่วมทุนใน บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ (TRAF)ในสัดส่วนถือหุ้นประมาณ 51% ส่งผลให้ MAJOR มีช่องทางในการจำหน่ายมากขึ้น ทั้งการขาย VCD, DVD อีกทั้งยังมีช่องทางการตลาดผ่านสื่ออื่น ๆ ที่จะได้รับการสนับสนุนจาก TRAF
นอกจากนี้จะมีรายได้จากบริษัทลูกเข้ามาเสริมด้วย เช่น บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์(SF), บมจ.แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ (CAWOW) เป็นต้น
"การที่เราเข้าไปถือหุ้นใน TRAF จะเป็นการเพิ่มมูลค่าของหนังมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่ม movie media โดยทางสื่อ magazine ของ TRAF ได้ ซึ่งจะทำให้โดยรวมของภาพยนตร์น่าจะมีการเติบโตขึ้น"นายวิชา กล่าว
MAJOR ยังไม่มีแผนในการปรับขึ้นราคาตั๋วหนัง แม้ว่าผู้ประกอบการรายอื่นจะมีการปรับค่าตั๋วหนังขึ้นก็ตาม เนื่องจากมองว่ารายอื่นที่ปรับขึ้นคงจะมีความจำเป็นของเขา แต่ส่วนของ MAJOR ยังไม่มีความจำเป็น และมองว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ก็ยังไม่สมควรที่จะปรับขึ้นด้วย และการไม่ปรับขึ้นค่าตั๋วหนังจะเป็นการช่วยกระตุ้นในด้านการตลาดได้ด้วย
สำหรับความร่วมมือกับบมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ และโบว์ลิ่ง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150-200 ล้านบาท/สาขา และในแต่ละสาขาจะมีโรงภาพยนตร์ 12-15 โรง
นายวิชา กล่าวต่อว่า ในวันนี้คณะกรรมการบริษัทจะหารือถึงการเพิ่มขนาดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจุบันที่มีขนาด 2,300 ล้านบาท คาดว่าจะนำศูนย์การค้า เอสพละนาด เข้าไปอยู่ในกองทุนอสังหาฯนี้ด้วย และจะทำให้ขนาดของกองทุนมีการขยายตัวเร็วขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะได้เห็นในปี 51

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ