นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) คาดว่า จะสรุปการลงทุนโรงงานขวดแก้วในประเทศเวียดนามได้ปี 51 ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านบาท สาเหตุที่เข้าลงทุนเพราะเห็นว่าเวียดนามเป็นตลาดส่งออกบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้วเป็นหลัก และระหว่างนี้บริษัทหาผู้ร่วมทุน
ที่ผ่านมา บริษัทเคยลงทุนในการสร้างโรงงานผ่านบริษัท วีนากล๊าส อินดัสตรีส์ จำกัดที่เวียดนาม ซึ่ง BJC ถือหุ้น 100% โดยได้ก่อสร้างอาคารโรงงานในพื้นที่ 45 ไร่ไว้แล้วในเมืองใกล้โฮจิมินห์
"ความต้องการบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้วในเวียดนามเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง ผลิตภัณฑ์กระดาษทิชชูก็เติบโตซึ่งก็เป็น 2 ธุรกิจที่บริษัทต้องการเข้าไปลงทุนโดยตรงในเวียดนาม แต่ที่จะทำก่อนคือโรงงานผลิตขวดแก้ว เพราะเราเคยลงทุทนมาตั้งแต่ปี 38 แต่ประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งตลาดเวียดนามก็ยังไม่โตเท่าไร แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะในการลงทุนอีกครั้ง" นายอัศวิน กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมองว่าธุรกิจขวดแก้วภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม บริษัทจึงมีแผนจะย้ายโรงงานขวดแก้วที่ราษฎร์บูรณะ ไปยังพื้นที่ใกล้แหล่งโรงงานลูกค้า เพื่อลดค่าขนส่ง และใกล้แหล่งวัตถุดิบ ทั้งนี้ คาดจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการประเภทขนมขบเคี้ยว 1 แห่งอยู่ในแถบประเทศอินโดจีน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจาและสรุปราคาสุดท้าย คาดว่าภายในต้นปี 51 จะสามารถสรุปการเข้าซื้อได้
ส่วนกระแสข่าวที่ BJC เป็นตัวแทนกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เพื่อเข้าซื้อตึกเนชั่นนั้น นายอัศวินปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และ BJC ยังเน้นสร้างรายได้จาธุรกิจหลัก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์, สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์ และเครื่องมือที่ใช้ในอุตสาหกรรม
"ถ้าหากผู้ถือหุ้นใหญ่ เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จะซื้อตึกเนชั่นจริง ก็น่าจะใช้บริษัทอื่นในการเข้าซื้อมากกว่า เพราะ เบอร์ลี่ยุคเกอร์ ไม่มีธุรกิจเกี่ยวข้องด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าจะซื้อก็เป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นใหญ่" นายอัศวินกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--