บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก(EPCO)คาดว่า รายได้ปีนี้คงไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10% โดยคาดว่าคงจะโตได้เพียง 5% เนื่องจากรายได้ในช่วงปลายปีผิดไปจากคาด เนื่องจากงานไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น และมีการเลือกตั้งใหม่ ที่น่าจะเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นยอดสิ่งพิมพ์ก็ตาม โดยคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/50 ยังคงจะทรงตัวจากไตรมาส 3/50 หรือดีขึ้นแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายวีระ เหล่าวิทวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPCO คาดว่า รายได้ในปี 50 เติบโต 5% จากปี 49 ที่มีรายได้ 683 ล้านบาท และในปี 51 ก็คาดว่ารายได้จะเติบโต 5% โดยในปีนี้ถือว่ามีงานเข้ามาน้อยกว่าปีก่อน
แต่บริษัทก็มีงานพิมพ์พิเศษ ซึ่งเป็นงานพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีมูลค่างานประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนงานพิมพ์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขณะนี้กำลังเจรจาแต่ยังไม่มั่นใจว่าจะได้งานหรือไม่ ซึ่งหากได้งานนี้คาดว่าจะมีมูลค่างาน 10 ล้านบาท
สำหรับปี 51 คาดว่าจะได้งานเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้า 1 รายที่มีมูลค่ารับจ้างพิมพ์งานประมาณ 30 ล้านบาท และเมื่อรวมกับราคากระดาษจะมีมูลค่างาน 150 ล้านบาท น่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้า คาดว่าจะลดลงมาเหลือ 21-22% จากระดับ 25% ในปี 50 เนื่องจากแนวโน้มราคากระดาษที่เป็นวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก แต่ประเมินว่าทิศทางตลาดกระดาษอาจจะปรับลดลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
นายวีระ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เจรจากับผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ในสิงคโปร์ และญี่ปุ่น เพื่อให้เข้ามาเป็นพันธมิตร คาดว่าจะสรุปได้ในปี 51 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานพิมพ์จากต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม
"ถ้าบริษัทมีพันธมิตรต่างชาติเข้ามา จะทำให้มีงานพิมพ์จากต่างประเทศ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่า ซึ่งคาดสูงกว่า 25% และจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท เข้ามาเสริมในช่วงที่ไทยไม่มีงานพิมพ์"นายวีระ กล่าว
ส่วนแผนการลดทุนของบริษัท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายเดือนพ.ย. นี้ ซึ่งคาดว่าหุ้น EPCO จะกลับมาซื้อขายได้อย่างเร็วในวันที่ 26 พ.ย.นี้ หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ขึ้น SP หุ้น EPCO เมื่อ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา
อนึ่ง ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้บริษัทลดจำนวนหุ้นจาก 3 หุ้นเดิมเป็น 1 หุ้นใหม่จะทำให้จำนวนหุ้นเดิม 1,546,230,604 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เหลือจำนวนหุ้นใหม่ 515,410,201 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่มีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น และ ยังมีกำไรสะสมเหลืออีกจำนวน 107,781,571.05 บาท
นายวีระ กล่าวว่า หลังจากนั้นบริษัทจะควบรวมกับบมจ.เอส. แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ (SPACK) หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้น ซึ่ง SPACK ได้ให้บล.นครหลวงไทย เป็นที่ปรึกษาการเงินในการควบรวมครั้งนี้ ซึ่งหากมีการควบรวมกันได้ น่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจซึ่งกันและกัน เพราะ SPACK ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษ ที่สามารถส่งงานให้กับ EPCO อยู่แล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--