สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้นับ 1 ข้อมูลไฟลิ่งของบมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNNEX ในวันที่ 12 ธันวาคม 2550 เนื่องจาก ซินเน็คฯ ต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 180 ล้านหุ้น และจะเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ ซินเน็คฯ โดยจัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 25 ล้านหน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีอายุ 5 ปี โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นได้ 1 หุ้น โดยมีบล.พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โครงการในอนาคตของ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ได้วางแผนการขยายธุรกิจไปยังผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะทำการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ ในรูปแบบ CNEX Shop ซึ่งเป็นร้านค้าในรูปแบบ Franchise ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง โดยบริษัทฯคาดว่าจะดำเนินการขยายสาขาให้ได้ทั้งหมด 250 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น บริษัทฯจะมุ่งเน้นในผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวโดยการขยายตราสินค้า และฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น
พร้อมทั้งมุ่งเน้นการผลิตสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ ภายใต้ตราสินค้า Lemel มากขึ้น และงานด้านบริการที่สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทฯมากขึ้น โดยบริษัทฯจะรับบริการเป็นศูนย์บริการซ่อมสินค้าให้แก่สินค้าที่บริษัทฯเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อเป็นการลดภาระการซ่อมสินค้าของผู้ผลิตที่ไม่มีหน่วยซ่อมสินค้าของตัวเอง ทั้งนี้ บริการซ่อมสินค้าดังกล่าวจะดำเนินการโดยบริษัท พริซึ่ม โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง คอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าส่งและค้าปลีกภายในประเทศทั้งหมดมากกว่า 5,000ราย และจัดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ตราสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก
ทั้งนี้บริษัทฯถือเป็นบริษัทในกลุ่มของซินเน็ค ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสาร และบริการด้าน Supply Chain ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในประเทศไต้หวัน และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และใหญ่อันดับที่ 3 ของโลก(ข้อมูล ณ ปี 2549)
ในช่วง 9 เดือนของปี 2550 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 111.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2549 ร้อยละ 70.8 โดยมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 13.88 ล้านบาท กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นผลจากบริษัทฯมีการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของสินทรัพย์ของบริษัท และบริษัทย่อย ณ 30 กันยายน 2550 ประกอบด้วยลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับจำนวน 1,394.05 ล้านบาท และสินค้าคงเหลือจำนวน 1,136.63 ล้านบาท ในขณะที่หนี้สินรวมมีมูลค่า 2,222.56 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่า 884.23 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เรียกชำระแล้วเต็มมูลค่า แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 บริษัทฯได้เพิ่มทุนเป็น 705 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เป็นหุ้นละ 1 บาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 205 ล้านหุ้น เสนอขาย IPO 180 ล้านหุ้น ภายหลังการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 680 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ หุ้นสามัญที่เหลือ 25 ล้านหุ้น จะเป็นหุ้นที่ใช้รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิฯดังกล่าว
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบมจ.ซินเน็คฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 คือ บมจ. ที.ค.เอส.เทคโนโลยี ถือหุ้น 249,999,600 หุ้นหรือคิดเป็น 50% ภายหลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 36.76% และ King's Eye Investments Ltd. ถือหุ้น 245,000,000 หุ้นหรือคิดเป็น 49% ภายหลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 36.03%
ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษี สำรองตามกฏหมาย และสำรองต่าง ๆ ทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--