(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: วิตกซับไพรม์-ดบ.จีน รั้งฮั่งเส็งปิดลบ 180.81 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 14, 2007 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันนี้ (14 ธ.ค.) หลังนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติซับไพรม์ นอกจากนั้นยังเกรงว่าจีนอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันนี้ 
วิกฤติซับไพรม์ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ซิตี้กรุ๊ป ได้ประกาศแผนเข้าควบคุมกองทุนเอสไอวี (Structured investment vehicles หรือ SIVs) 7 แห่ง เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถใช้หนี้คืนได้
ด้านนายโจเซฟ ยัม ผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ธนาคารหลายแห่งในฮ่องกงอาจได้รับความเสียหายหรือขาดทุน อันเป็นผลมาจากวิกฤติซับไพรม์
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งปิดลดลง 180.81 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 27,563.64 จุด โดยตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ฮั่งเส็งปรับลดลงไปแล้ว 4.4%
"เรายังคงรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายโจเซฟ ยัม ออกมาเปิดเผยว่า ธนาคารหลายแห่งอาจได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว" โฮเวิร์ด จอร์จส์ รองประธาน South China Securities กล่าว
หุ้นกลุ่มธนาคารจีนเป็นแกนนำในการปรับตัวลงครั้งนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะสูงขึ้นจะทำให้ปริมาณการกู้ยืมเงินน้อยลงซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการลดลงตามไปด้วย
หุ้น ICBC ซึ่งเป็นธนาคารแห่งใหญ่ที่สุดของจีน ลดลง 3.4% ในขณะที่หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ลดลง 2.4%
หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลง 1.8% และ หุ้นบีโอซี ฮ่องกง ซึ่งเป็นธนาคารในเครือ ขยับลง 0.7% เนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งมีการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ แม้ว่าทางธนาคารจะพยายามลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีปัญหาแล้วก็ตาม โดยเมื่อสิ้นสุดเดือนก.ย. แบงค์ ออฟ ไชน่า มีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดซับไพรม์มูลค่า 7.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก 9.6 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดเดือนมิ.ย.
หุ้นธนาคารขนาดใหญ่อย่างฮั่งเส็งแบงค์ ขยับลง 1.8% แสดงให้เห็นว่า ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์มากนัก ผิดกับหุ้นธนาคารขนาดเล็กซึ่งร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น
"การที่นายยัมไม่ยอมระบุชื่อสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ให้ชัดเจน ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดความผันผวนในตลาดมากกว่าเดิม" พอล ลี นักวิเคราะห์จาก Tai Fook Research กล่าว
"หลังได้ข่าวว่าธนาคารต่างๆได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ นักลงทุนทั่วไปโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยต่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงได้แต่เทขายหุ้นไป" นายลีกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ