นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุดว่า นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 51 ไปอยู่ที่เฉลี่ย 1,030 จุด จากเดิมที่ 1,000 จุด รวมทั้งคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าจะกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 18.4 ในขณะที่อัตราการเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.9 โดยกลุ่มธุรกิจที่แนะนำให้ลงทุน คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน
สำหรับตัวเลขสำคัญในปี 51 นักวิเคราะห์คาดว่า ค่าเงินบาท ณ สิ้นปีเฉลี่ยอยู่ที่ 32.9 บาท/ดอลลาร์ และอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.4
นอกจากนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ยังได้ปรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของปี 50 เพิ่มเป็น 885 จุด จากเดิมที่สำรวจเมื่อเดือนส.ค.ที่ 871 จุด
จากการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงธ.ค.50-ธ.ค.51 ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น รวมทั้งข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาลใหม่ ดังนี้
ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุน อันดับแรก ได้แก่ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งคาดว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้งปลายปี และสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้เรียบร้อย รองลงมา คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะมีการขยายตัวดีในปี 51 และอันดับสาม คือ กระแสเงินไหลเข้า โดยมีแนวโน้มที่เงินทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าเอเชียอีก
ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งอาจมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบที่ได้รับจากปัญหาซับไพร์ม รองลงมา คือ ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และอันดับสาม คือ อัตราเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ยังทำการสำรวจความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในปี 51 เทียบกับปี 50 พบว่า ส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจะดีขึ้นเล็กน้อย
สำหรับข้อเสนอแนะสำคัญแก่รัฐบาลใหม่ คือ รัฐบาลใหม่ควรผลักดันและเร่งรัดการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน และโลจิสติกส์ รวมทั้งควรมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จริงจังและต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และเร่งสร้างความชัดเจนและใช้ความรอบคอบในการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และมาตรการกันสำรอง 30%
ในด้านการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนให้เข้มแข็ง นักวิเคราะห์เสนอให้รัฐบาลชุดหน้าดำเนินการใน 2 ด้านใหญ่ๆ คือ เพิ่มจำนวนสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการเพิ่มประเภทสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและอนุญาตให้มี dual listing
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--