FORTH คาดปี 51 กำไร-รายได้พุ่ง รับงานเพิ่ม-เข้าประมูลงานรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 4, 2007 12:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

           บมจ. ฟอร์ท คอร์ปปอเรชั่น (FORTH)คาดกำไรสุทธิในปี 50 จะทรงตัวจากปี 49 ที่มีกำไรสุทธิ 213.48 ล้านบาท เนื่องจากงานผลิตแผงวงจร (PCBA) ให้  Western Digital (WD) ได้รับมาร์จิ้นต่ำลง และยังคาดว่ารายได้ในปีนี้จะมีจำนวน 4 พันล้านบาท พลาดจากเป้าที่ตั้งไว้ 5 พันล้านบาท  เนื่องจากงานในช่วงครึ่งปีแรกลดลงมาก แต่ยังสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2,480.61 ล้านบาท         
แต่ในปี 51 คาดว่ากำไรสุทธิจะดีกว่าปี 50 เนื่องจากจะรับรู้รายได้เต็มีปีจาก WD , บมจ.ทีโอที (TOT) และ กรุงเทพมหานคร (กทม) ส่วนด้านรายได้จะเติบโตเท่าตัวจากปีนี้ จากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจาก WD และจากงานโครงการจ้างเหมาติดตั้งอุปกรณ์ระบบชุมสายและโครงข่ายรองรับการให้บริการบรอดแบรนด์ของ TOT มูลค่า 850 ล้านบาท จะรบรู้ในไตรมาส 1-2
"แนวโน้มปีหน้า งานในภาครัฐของบริษัทจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเข้าประมูลงานของ TOT รวมทั้งยังมีงานจากกทม.ที่ทำป้ายอัจริยะ 600-700 ล้านบาท" นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ FORTH กล่าวกับ"อินโฟเควสท์
ด้านนายอมร อึ้งสกุลปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน FORTH กล่าวว่า ปี 50 บริษัทคาดรายได้จะมีจำนวน 4 พันล้านบาท พลาดเป้าที่คาดไว้ 5 พันล้านบาท แต่มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2,480.61 ล้านบาท เนื่องจากงานในช่วงครึ่งปีแรกลดลงมาก
"ยอมรับว่าในปีนี้รายได้เราพลาดไปจากที่เราตั้งไว้เพราะงาน WD ที่ออเดอร์ล่าช้า เข้ามาในไตรมาส 3-4 แทนจากเดิมที่ออเดอร์จะอยู่ในเดือนมี.ค ทำให้การรับรู้ไม่เป็นไปอย่างที่เราวางไว้ในแต่ละไตรมาส แต่ก็ยังดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2.4 พันล้านบาท"นายอมร กล่าว
ในไตรมาส 4 ปี 50 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จาก WD เข้ามาประมาณ 1 พันล้านบาทและรายได้จากธุรกิจอื่นประมาณ 400 ล้านบาท
ขณะที่เชื่อว่าในปี 51 รายได้จะเติบโตเท่าตัวจากปี 50 จากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจาก WD และ จากงานโครงการจ้างเหมาติดตั้งอุปกรณ์ระบบชุมสายและโครงข่ายรองรับการให้บริการบรอดแบรนด์ของ TOT มูลค่า 850 ล้านบาท จะรบรู้ในไตรมาส 1-2
*ยอมลดอัตรากำไร เพื่อให้ปริมาณงานเข้ามาก
นายอมร กล่าวยอมรับว่า ในปีหน้าอัตรากำไรสุทธิ(Net profit margin)ยังลดลงต่อเนื่องจากปี 50 ที่ลดลงมาเหลือประมาณ 8% แต่ในแง่ของรายได้จะปรับเพิ่มขึ้นจากปริมาณคำสั่งซื้อที่มากขึ้น ส่วนใหญ่ออเดอร์มาจากงานรับจ้างผลิตชิ้นส่วน PCBA ให้กับ WD ที่เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มเป็น 2-3 ล้านชิ้น/เดือน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านชิ้น/เดือน ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิในปี 51 จะดีกว่าปี 50
"ในปีหน้ารายได้คงจะเพิ่มเท่าตัวจากออเดอร์ของ WD แม้Net profit margin จะลดลงก็ยอม"นายอมร กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีงาน TOT ที่บริษัทได้รับงานโครงการจ้างเหมาติดตั้งอุปกรณ์ระบบชุมสายและโครงข่ายรองรับการให้บริการบรอดแบรนด์ของ TOT มูลค่างาน 850 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1-2/51 และยังมีอีก 4 โครงการต่อเนื่องมูลค่าเฉลี่ย 180 ล้านบาท/โครงการ
ประกอบกับ การขายอุปกรณ์ปลายทาง(User Termial)ที่ใช้กับดาวเทียม iPSTAR มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ FORTH ในปี 51 ค่อนข้างมาก และงานผลิตป้ายจอแสดงภาพอิเล็กทรอนิกส์ของงาน Hello Bangkok และงานจากฝ่ายจราจร ของกทม. ก็ยังดำเนินต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
นายอมร กล่าวว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเข้าประมูลงานภาครัฐ ถึงแม้จะมีมาร์จิ้นน้อยกว่างานเอกชน เนื่องจากงานภาครัฐมีการับรู้รายได้ที่แน่นอน โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประมูลโครงการภาครัฐ คาดว่าจะได้รับคัดเลือกและต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้รายได้ในปีหน้าเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน มีสัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชน 80% ส่วนภาครัฐบาลอยู่ที่ 20%
ส่วนการลงทุนนั้นในปี 51 คงจะไม่มากเมื่อเทียบกับปี 50 โดยส่วนใหญ่เป็นป้ายจราจรอัจฉริยะที่มีแผนผลิตเพิ่มอีก 40 ป้ายทั่วกทม คาดใช้เงินทุน 120 ล้านบาท และอาจจะซื้อตึกเพื่อทำเป็นออฟฟิศจากปัจจุบันที่เช่าอยู่
นายอมร กล่าวว่า การที่บริษัทมีออเดอร์จาก WD เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ในปีหน้าบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มมาอยู่ที่เฉลี่ย 80% ของกำลังการผลิตเต็มที่ 3,300 ล้านชิ้นต่อปี จากปีนี้ที่มีการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 60% แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเครื่องจักรเพราะยังมีกำลังการผลิตเพียงพอในการรองรับได้
*โบรกฯมองน่าลงทุน
บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า FORTH จะเติบโตก้าวกระโดดในปี 51 หลังจากที่บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาติดตั้งโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจาก TOT มูลค่า 850 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 51 อีกทั้งมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตแผงวงจรฮาร์ดดิสให้กับ Western digital อีก 1 สายการผลิต รวมเป็น 4 สายการผลิต ในปี 51
ทั้งนี้ เป็นผลให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 51 จากประมาณการเดิม 16% เป็น 471 ล้านบาท ทั้งนี้ คิดเป็นการเติบโตกว่า 90% YoY นอกจากนี้เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q50 จะเติบโตโดดเด่นจากการรับรู้รายได้งานประมูลใหม่ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
"เราประเมินว่าผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่น กอปรกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่งโดยมี Net D/E ratio เท่ากับ 0.47 เท่า ในปี 50 จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในอนาคต"
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย ณ ระดับ P/E ratio เพียง 8 เท่า ในปี 51 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ICT ที่ 14 เท่า และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ 9 เท่า คงคำแนะนำ ซื้อ Fair Price ปี 51 เท่ากับ 11.80 บาท (P/E ratio 12 เท่า)

แท็ก (FORTH)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ