ผู้บริหารโบรกฯ คาดผลคดีแปรรูป PTT ออกมาในทางบวก หากพลิกอาจกระทบวงกว้าง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 13, 2007 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ผู้บริหารโบรกเกอร์ มองผลตัดสินคดีแปรรูปบมจ.ปตท.(PTT)ที่ศาลปกครองนัดชี้ขาดในวันพรุ่งนี้ไม่น่าจะออกมาในทางลบ เพราะมีความแตกต่างจากกรณีของการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และหากต้องเพิกถอนออกจากตลาดอาจเกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งด้านความเชื่อมั่น รวมทั้งภาครัฐก็จะต้องหาเงินกว่าห้าแสนล้านบาทมาซื้อหุ้นคืน
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(KEST) เชื่อว่า ศาลปกครองจะตัดสินประเด็นนี้อย่างรอบคอบ ซึ่งโดยส่วนตัวมองอย่างมีความหวังว่าผลการพิจารณาน่าจะออกมาในทางที่ดี เพราะกรณีของ PTT แตกต่างจากกฟผ.เนื่องจาก PTT มีการกำกับดูแลทั้งโดยภาครัฐและกฎหมายที่สมบูรณ์
ประกอบกับ PTT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มานานแล้ว หากต้องยกเลิกการแปรรูปและเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจต้องใช้เม็ดเงินกว่า 5 แสนล้านบาทในการซื้อหุ้นคืน และหากไม่รวมส่วนที่ถือโดยกองทุนวายุกภักษ์ ก็ยังต้องใช้เงินราว 3 แสนล้านบาท ภาครัฐจะหาเงินมาจากส่วนไหน
นอกจากนั้น หากมองในมุมของผู้ซื้อ ถ้ารัฐซื้อหุ้น PTT คืนในราคา 35 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคา IPO ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมกับผู้ที่เข้าซื้อหุ้น PTT ทีหลังเพราะราคาแตกต่างจาก IPO ไปมากแล้ว จุดนี้จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีผู้ที่เข้ามาลงทุนในหุ้น PTT ไม่น้อยกว่า 3-4 แสนคน และหากรวมนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมก็น่าจะสูงถึงกว่า 10 ล้านคน
นายสุรพล ขวัญใจธัญญา รองประธานกรรมการบริหาร บล.แอ๊ดคินซัน(ASL) มองในทิศทางเดียวกันว่า PTT คงไม่ถูกเพิกถอน ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากนักลงทุนที่ลงทุนในตัว PTT มีเป็นจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ หากเกิดความพลิกผันจะทำให้เกิดความไม่แน่นอน และความไม่เชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นของไทย นอกจากนั้น การที่รัฐจะเข้าไปซื้อคืนหุ้น PTT ก็จะต้องใช้เงินสูงถึง 4-5 แสนล้านบาท จะเห็นได้ว่าผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะในด้านจิตวิทยา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ