นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 รวมเติบโต 20% หรือมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท รวมถึงบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 8% ครองมาร์เก็ตแชร์อับดับหนึ่งต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุก ประกอบด้วย การเพิ่มธุรกิจใหม่นำเข้า-จัดจำหน่ายอุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลทุกชนิดในโรงงาน อาทิ เครื่องล้างตาฉุกเฉิน รองเท้านิรภัย แว่นตานิรภัย ชุดกันสารเคมี รวมถึง แผ่นดูดซับสารเคมี ตู้กันสารเคมีระเหย พาเลทรองสารเคมีรั่วไหล ฯลฯ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าชั้นนำที่มีมาตรฐาน อาทิ Romold, Brady, MSA, Ensico, Spill Station, Spillfix, Honeywell, Lakeland เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และถือเป็นการขยายฐานรายได้ เสริมศักยภาพการเติบโต
"ภาพรวมตลาดอุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่ายังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมมีพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยบริษัทสามารถต่อยอดการขายจากการออกแบบติดตั้ง และจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงได้" นายทักษิณ กล่าว
บริษัทยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ดับเพลิงรูปแบบต่างๆ ที่มีมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และบริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) ซึ่งเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง เพิ่มโอกาสความสามารถการทำกำไร และเป็นงานที่สามารถรับรู้รายได้ภายใน 3-6 เดือน
ขณะเดียวกันบริษัทติดตามการประมูลและเตรียมเสนองานอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยในช่วงไตรมาส 1/65 มีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาการออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงโครงการต่างๆ มูลค่ารวม 250 ล้านบาท คาดว่าจะมีโอกาสรับงานประมาณ 30% สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 480 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 150 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 330 ล้านบาท