เรือโท สุพจน์ เจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ โดยสายปฏิบัติการ ร่วมกับฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในห้องโดยสาร หรือ Cargo-in-Cabin ไปยังประเทศออสเตรเลียเป็นเที่ยวบินแรก ร่วมกับการขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องบิน ในเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) เที่ยวบินที่ TG475 เส้นทางกรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 08.01 น. ถึงออสเตรเลีย เวลา 20.55 น. (เวลาท้องถิ่น) สำหรับสินค้าที่ขนส่งแบบ Cargo-in-Cabin ในเที่ยวบินนี้ ได้แก่ Antigen Test Kit ซึ่งบรรจุอยู่ในกล่อง น้ำหนักรวม 2,930 กิโลกรัม โดยบริษัทฯ ได้จัดวางสินค้าภายในห้องโดยสาร และบนที่นั่งผู้โดยสารที่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสินค้าโดยเฉพาะ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขนส่งเป็นหลัก
อนึ่ง เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปฏิบัติการขนส่งสินค้าแบบ Cargo-in-Cabin ร่วมกับการขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องบิน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเที่ยวบินขนส่งสินค้า เที่ยวบินที่ TG679 เส้นทาง กวางโจว-กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน สำหรับสินค้าที่ขนส่งแบบ Cargo-in-Cabin ในเที่ยวบินดังกล่าว ได้แก่ Antigen Test Kit ซึ่งบรรจุอยู่ในกล่อง น้ำหนักรวม 2,659 กิโลกรัม
ทั้งนี้ การให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบ Cargo-in-Cabin นับเป็นการบริหารจัดการพื้นที่ภายในห้องโดยสารของเที่ยวบินขนส่งสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์ อาหาร อุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตที่ส่งออกสินค้าหลายราย โดยล่าสุด บริษัทหารือกับสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทยเพื่อร่วมมือขนส่งผลไม้ไปยังต่างประเทศ ซึ่งการบินไทยพร้อมแล้วที่จะให้บริการขนส่งสินค้าแบบ Cargo-in-Cabin ในเที่ยวบินต่อๆ ไปอีกด้วย
การขนส่งสินค้าภายในห้องโดยสารนั้น เป็นการดำเนินการที่ได้รับการยกเว้นให้สามารถกระทำได้ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ทั่วโลก โดยบริษัท การบินไทยฯ ดำเนินการภายใต้ ICAO standard และคู่มือปฏิบัติการที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยในช่วงแรกนี้สามารถดำเนินการได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 และคาดว่าจะได้รับการต่ออายุให้ดำเนินการอีกตามที่ ICAO อนุมัติ