นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เผยไม่ได้ถือหุ้นในกิจการที่เกี่ยวข้องกับรัฐ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน หรือ ธนาคาร และได้รายงานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)แล้ว แต่ไม่เข้าใจผู้ที่หยิบยกข้อมูลเก่าขึ้นมาโจมตีในในช่วงนี้ ระบุหลัง 14 ธ.ค.หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินแล้วจะเปิดเผยรายละเอียดในเรื่องดังกลาว
ทั้งนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ระบุว่า นายปิยสวัสดิ์และภรรยา ถือหุ้นในกิจการพลังงาน ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของรัฐมนตรีที่ดูแลนโยบายด้านพลังงาน
รมว.พลังงาน กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในวันที่ 9 ต.ค. 49 ก็ได้รายงานเกี่ยวกับทรัพย์สินต่ ป.ป.ช. โดยได้นำหุ้นทั้งหมดที่เคยถือก่อนหน้านั้นไปไว้ในกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไปตามหลักเกฑ์ที่ ป.ป.ช.กำหนด และเหลือเงินที่ลงทุนก็เป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐ
หลังจากนั้นทางผู้บริหารกองทุนก็จัดการขายหุ้นต่างๆที่เกี่ยวหรืออาจเกี่ยวข้องกับรัฐ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น บมจ.ปตท.(PTT) บมจ.ปตท.สผ.(PTTEP) บมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) ซึ่งขายไปรอบแรก เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 49 และขายรอบที่สอง เมื่อ 25 ต.ค. 49 เป็นหุ้นธนาคารกรุงเทพ(BBL) ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ธนาคารไทยธนาคาร(BT)
ดังนั้น ข้อมูลทั้งหมด ได้ส่งให้ป.ป.ช. แล้ว เมื่อ 26 มิ.ย.50 ซึ่งข้อมูลนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้เปิดเผย โดยเปิดเผยเฉพาะของวันทื่ 9 ต.ค.49 จึงยังเห็นว่ายังมีหุ้นอยู่
"วันที่ 9 ต.ค.ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเป็นรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นจะไปจัดการทรัพย์สินคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็จัดการให้เร็วที่สุด คือ 19 ต.ค....ตามกฎหมายถือหุ้นได้ไม่เกิน 5% ซึ่งผมถือได้เหมือนเดิม แต่ผมนึกอยู่แล้วต้องเกิดปัญหาในลักษณะนี้ ที่เป็นการกล่าวหา และจะทำให้การตัดสินใจในการทำงานลำบาก" นายปิยสวัสดิ์ กล่าวผ่านรายการวิทยุเช้านี้
รมว.พลังงาน กล่าวว่า เห็นแล้วว่าจะมีปัญหา การที่จะเข้าถือหุ้นเกี่ยวข้องกับรัฐ หรือสถาบันการเงินอะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นก็โอนออกไปให้หมด และถ้ามีหุ้นพวกนี้ คงไม่เสนอกฎหมายคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งห้ามกรรมการลงทุนในธุรกิจพลังงานทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่ออกมาคงเป็นข้อมูลที่บิดเบือน และเป็นข้อมูลที่เคยนำออกมาเผยแพร่แล้ว รวมทั้งได้ส่งออกข้อมูลเหล่านี้ให้ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ได้ทำหนังสือชี้แจงแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้เป็นการหยิบยกประเด็นเก่า ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร
อย่างไรก็ตาม ศาลระบุให้ทั้งจำเลยและโจทย์ไม่ให้พูดอะไร จึงขอให้รอวันที่ 14 ธ.ค.นี้จะให้รายละเอียดมากกว่านี้หลังจากที่ศาลมีคำตัดสินแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--