ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 190 จุดเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จับมือกับธนาคารกลางชั้นนำของโลกอีก 4 แห่ง อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารก็ตาม
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดทรุดลง 195.6 จุด แตะระดับ 6,364.2 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.5 พันล้านหุ้น
นายเอ็ด เมนาชีย์ นักวิเคราะห์จากชาร์ลส์ สแตนลีย์กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องสินเชื่อ ความกังวลในเรื่องนี้มีอิทธิพลเหนือปัจจัยบวกมากมาย อาทิ ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และการดีดตัวขึ้นดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า และขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจยังขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น
หุ้นเรนโตคิลดิ่งลง 22.1% หลังจากซิตี้ลิงค์ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นธนาคารนอร์ทเธิร์นร็อค ร่วงลง 13.2 เพนซ์ ปิดที่ 86 เพนซ์ หลังจากธนาคารยอมรับว่าอาจต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ นอร์ทเธิร์นร็อคออกแถลงการณ์ว่า นายอดัม แอพเพิลการ์ธ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอหลังจากนอร์ทเธิร์นร็อคขาดทุนอย่างหนักในตลาดซับไพรม์
ขณะที่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ ดิ่งลง 33 เพนซ์ ปิดที่ 523 เพนซ์ หุ้นธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 28.5 เพนซ์ ปิดที่ 433.5 เพนซ์ ส่วนธนาคาร HBOS ร่วงลง 8.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยว่ายังไม่มีแผนซื้อคืนหุ้นเพิ่มขึ้นอีกจนกว่าแนวโน้มธุรกิจจะชัดเจนมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--