นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนการลงทุน 5 ปี (65-69) เพื่อสร้างการเติบโตตามวิสัยทัศน์ใหม่ วงเงินรวม 41,350 ล้านบาทในโครงการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างโรงงาน โดยจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/67 โครงการ Strengthen IRPC เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โครงการลงทุนทั่วไปและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงโรงงาน และอื่นๆ
บริษัทมีแผนสร้างสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น และเสริมจุดแข็งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจปัจจุบัน เปรียบเสมือนแม่น้ำ 2 สาย (River of 2 streams) ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (Transition to the New Horizons) ต่อไป โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ให้คุณค่าของการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 67,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% และบริษัทฯ มี Market GIM อยู่ที่ 6,680 ล้านบาท (10.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลง 7%
ขณะที่บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 267 ล้านบาท ลดลง 2,061 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA 3,094 ล้านบาท ลดลง 50% ขณะที่มีกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 107 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ 70 ล้านบาท และกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1,526 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 มีกำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 64 เทียบกับปี 63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 235,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 55% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับปี 63 และบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 29,588 ล้านบาท (13.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 52% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น จากการที่ประชากรทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น และหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown
นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท ส่งผลให้มี EBITDA 26,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,269 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 475% และมีกำไรสุทธิ 14,505 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6,152 ล้านบาท