นายกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) นำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส ดิสคัฟเวอรี่ อิควิตี้ ฟันด์ (USDIS) ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัฏจักรเศรษฐกิจระยะกลาง (Mid-Cycle) อย่างเต็มตัว ทำให้การสนับสนุนนโยบายการเงินการคลังจากภาครัฐมีแนวโน้มลดลงส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น โดยอาศัยจังหวะตลาดปรับฐานในการเข้าลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางและเล็ก ด้วยกลยุทธ์การคัดสรรบริษัทที่เข้าไปลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ (Purely Bottom Up Approach) เปิดเสนอขายครั้งแรก 10-18 กุมภาพันธ์ 2565
ทั้งนี้ ในปี 64 ที่ผ่านมากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐฯ มีภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆและได้เปลี่ยนผ่านสู่วัฎจักรเศรษฐกิจระยะกลาง (Mid-Cycle) เรียบร้อยแล้ว ทำให้การดำเนินนโยบายกำลังเข้าสู่ช่วงปรับฐาน มีการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพื่อลดอัตราการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าจะทำให้ภาพรวมการลงทุนมีความผันผวน แต่ยังมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต โดยให้ความสำคัญในการลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมและจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจในอนาคต
ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของ Omicron Variant มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากผลวิจัยหลายๆ ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้อัตราการแพร่ระบาดจะสูงกว่าไวรัสกลายพันธุ์ก่อนหน้านี้แต่ระดับความรุนแรงกลับลดลง ผสานกับการอนุมัติยาต้านเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เมื่อปลายปีที่แล้วทำให้ตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อการแพร่ระบาดของ Omicron Variant
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจดูเหมือนจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว สะท้อนจาก ข้อมูลจาก Bloomberg ณ เดือน ธ.ค.64 ที่ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 64 และปี 65 ของสหรัฐที่ลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +5.9% และ +4.2% ลงไปสู่ระดับ +5.5% และ 3.9% ตามลำดับ
นอกจากนี้ การลดวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) และแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่เร่งตัว ความเสี่ยงที่พรรค Democrats จะเสียที่นั่งในสภาให้กับพรรค Republicans ในการเลือกตั้ง Mid-Term Election ในช่วงปลายปี และประเด็นการขึ้นภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax) จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นและมีโอกาสการปรับฐานได้
บลจ.ยูโอบี ประเมินว่าภาพรวมการลงทุนในสหรัฐฯ จะมีความผันผวนสูงขึ้นในช่วงต่อจากนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีพื้นฐานและศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าพื้นฐานในระดับที่เหมาะสม โดยอ้างอิงจากดัชนี Russell 2000 ที่ซื้อขายอยู่ในระดับ Forward P/E 25 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 26.8 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบกับ S&P500 หรือ NASDAQ ที่ซื้อขายอยู่ระดับ Forward P/E 21 เท่า และ 31 เท่าตามลำดับ (Bloomberg ข้อมูล ณ เดือน ม.ค.65) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ทำให้การลงทุนในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กสหรัฐฯ ในช่วงนี้เป็นจังหวะเข้าลงทุนในระดับราคาที่ไม่สูงนักและเป็นโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่
นายกุลฉัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว บลจ.ยูโอบี จึงมองว่าการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนในสหรัฐฯ และด้วยความร่วมมือกับทาง UOBAM (Singapore) Limited และ Baillie Gifford ผู้จัดการกองทุนที่มีเชี่ยวชาญการลงทุนในสหรัฐฯ และจะบริหารจัดการกองทุนด้วยกลยุทธ์ US Discovery ผ่านกองทุน USDIS นี้เท่านั้น เน้นการคัดสรรการลงทุน (Stock Selection) กลุ่มธุรกิจที่แสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร บริษัทที่เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมที่แตกต่างจากคู่แข่งและจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจในอนาคต
กลยุทธ์ US Discovery จะเน้นแสวงหาโอกาสการลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในสหรัฐฯ ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวผ่านกระบวนการคัดเลือกบริษัทด้วย Purely Bottom Up Approach มีหลักการดังนี้
1) ให้ความสำคัญในการลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้คิดค้นและขับเคลื่อนนวัตกรรมและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้
2) มองภาพการลงทุนระยะยาว (ระยะเวลาการลงทุนประมาณ 5 ปี) และมองข้ามปัจจัยความผันผวนระยะสั้น
3) มองหากลุ่มธุรกิจที่มีความน่าสนใจและมีโอกาสเติบโตได้ในระดับสูง
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส ดิสคัฟเวอรี่ อิควิตี้ ฟันด์ (USDIS) มีระดับความเสี่ยง 6 กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 80 ในตราสารทุนของบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Capitalization) ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และจัดตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือดำเนินธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้กองทุนมีดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทน คือ Russell 2500 Total Return Growth Index ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง