KSL คาดปี 65 ปริมาณอ้อยเข้าหีบ 6.14 ล้านตัน จากปีก่อน 4.77 ล้านตันหลังภัยแล้งคลี่คลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 11, 2022 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 65 จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นช่วยหนุนให้การเดินทาง กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ และการขนส่งกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทยังผลิตเอทานอลที่เป็นเกรดระดับการแพทย์ที่ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

บริษัทคาดว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 65 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.14 ล้านตันอ้อย และผลผลิตน้ำตาลที่ 6-7 แสนตัน ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นราว 20-30% จากปี 64 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 4.77 ล้านตันอ้อย คิดเป็นผลผลิตน้ำตาลประมาณ 5.28 แสนตัน โดยมองว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลได้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปแล้วหลังจากสถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมากนัก สำหรับราคาน้ำตาลในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 19-20 เซนต์/ปอนด์ สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 17.28 เซนต์/ปอนด์ แม้ว่าผู้ผลิตหลักอย่างประเทศบราซิลจะมีผลผลิตออกมามากขึ้นหลังจากสภาพอากาศดีขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาเอทานอลสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาผลิตเอทานอลมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินของบราซิลแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และกองทุนน้ำตาลยังคงลงทุนในสถานะ Long ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดยังคงสนับสนุนราคาน้ำตาลให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น "เรามองว่าอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลได้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปแล้วในเรื่องของภัยแล้ง ปริมาณอ้อยก็เริ่มกลับมา ราคาอ้อยก็เริ่มจูงใจ เราก็หวังว่าใน 2-3 ปี ข้างหน้าอ้อยจะกลับมาสู่ระดับ 100 กว่าล้านตันได้ ก็จะเป็นทิศทางที่อุตสาหกรรมอ้อยกลับมาสู่ภาวะที่สดใสอีกครั้ง"นายชลัช กล่าว นายชลัช กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทย่อย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) ซึ่ง KSL ถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ บมจ.บางจาก (BCP) ถือ 60% เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากสามารถเข้าได้ในปี 65 คาดว่าจะช่วยต่อยอดในเรื่องของธุรกิจไบโอ ขณะเดียวกันบริษัทก็ถือหุ้นในบมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) ในสัดส่วน 21.3% ที่ได้เข้าจดทะเบียนไปแล้ว โดยภายหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ KSL ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือราว 10% คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเข้ามาในไตรมาส 1/65


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ