บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้เคลื่อนไหว 1,650-1,700 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุน Trading รายสัปดาห์ยังมองกลุ่มน้ำมันน่าสนใจ (PTTEP) ตามปัจจัยหนุนจากความกังวลยูเครน-รัสเซีย โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) โดยยังคงแนะว่านักลงทุนรับความเสี่ยงต่ำทยอยลดพอร์ตเนื่องจาก Valuation ที่ค่อนข้างแพงมองจุดน่าทยอยรับกลับอีกครั้งบริเวณ 1,600-1,620 ดังนั้น SET บริเวณ 1,700 จุดมองเป็นเพียงการ Trading เท่านั้น
ทั้งนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับฐานลง 1.4% และ NASDAQ ปรับฐานลงมา 2.78% หลังสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยูเครนกับรัสเซียส่อเค้าที่จะรุนแรงมากขึ้น ข้อมูลล่าสุดสหรัฐและออสเตรเลียสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเร่งออกจากยูเครนเพราะหวั่นถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้งในวันศุกร์ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น , อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง , Vix Index ปรับตัวขึ้น จึงทำให้ SET ช่วงต้นสัปดาห์มีโอกาสย่อตัวลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม คาดการปรับฐานไม่รุนแรงมากนักเนื่องจาก SET มีโอกาสได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ยืนระดับสูง (วันศุกร์ +3.3%) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจส่งผลให้อุปทานตึงตัวมากขึ้น เพราะอาจเกิดการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของโลก ประกอบกับเศรษฐกิจไทยก็มิได้พึ่งพิงเศรษฐกิจรัสเซีย ในปี 62 ไทยส่งออกไปรัสเซียคิดเป็นเพียง 0.69% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้เรื่องของเงินเฟ้อสหรัฐยังเป็นปัจจัยหลัก โดยสหรัฐมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจดังต่อไปนี้ (1) วันอังคาร สหรัฐมีกำหนดรายงาน PPI (ดัชนีราคาผู้ผลิต) Bloomberg คาดที่ 0.5%MoM (2) วันพุธ ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 1.8%MoM (3) รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดือน ม.ค. ในวันพฤหัสบดี ดังนั้นหากตัวเลขประกาศออกมายังเป็นลักษณะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก็อาจกลับมากดดันตลาดหุ้นได้อีกครั้ง
ส่วนในประเทศจะเป็นเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 4/64 Bloomberg คาดว่าหุ้นใน SET100 จะรายงานในสัปดาห์นี้ราว 21 บริษัท
ทั้งนี้ คะแนะนำสำหรับหุ้น PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) ภาพรวมกำไรปี 65 เป็นบวกเพราะคาดว่ายอดขายจะโตขึ้น 12% YoY เป็น 467kBOED และราคาขายเฉลี่ยคาดโต 5% เป็น US$46/BOE โดยระยะสั้นยังได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 67 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่แข็งแกร่ง 5.1 พันล้านบาท (-30% YoY, +146% QoQ) หนุนจากค่าการกลั่นที่คาดสูงขึ้นเป็น US$5.5/bbl จาก US$1.6/bbl ในไตรมาส 3/64 เป็นผลจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง