KCE เด้งขึ้น 3.39% หรือ 2.00 บาท มาที่ 61.00 บาท มุลค่า 990.87 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.38 น.จากราคาเปิด 60.00 บาท ราคาสูงสุด 61.00 บาท ราคาต่ำสุด 59.25 บาท จากก่อนหน้า ราคา KCE ปรับตัวลงแรงและต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวเคราะห์ว่า บมจ.เคทีซี อีเลคโทรนิกส์ (KCE) มองบวกรายได้ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2564 และคาดยังโตต่อปี 2565 เพียงแต่ติดปัญหาการขยายกำลังการผลิต ซึ่งเป็นปัญหาชั่วคราว ขณะที่คำสั่งซื้อยังแข็งแกร่ง และสัดส่วนรายได้ราว 70% ขายไปยังกลุ่ม Auto ที่คาดยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะกลับมาโต +10.6% ในปี 2565 และจะเป็นบริษัทที่ได้ผลบวกตามเทรนด์ EV Car โดยกำลังการผลิตใหม่จะขยายสำหรับสินค้า HDI ที่ใช้ใน EV Car ช่วยหนุนการเติบโตยะระยะกลางยาว
แม้ว่าระยะสั้นรับผลลบจากปัญหาการ Run เครื่องจักรใหม่ ทำให้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มล่าช้ากว่าแผนออกไป 1-2 ไตรมาส จึงคาดกำไรไตรมาส 1/65 อาจอ่อนตัวลง Q-Q คาดจะแก้ไขได้แล้วเสร็จ โดยผู้บริหารตั้งเป้าจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป ภายใต้คำสั่งซื้อที่ยังแข็งแกร่ง
ทั้งนี้การขยายโรงงานใหม่ที่โรจนะได้ถูกเลื่อนออกไปอย่างน้อย 1 ไตรมาส คาดจะเริ่ม Operate ได้อย่างเร็วในไตรมาส 2/66 จากเดิม ไตรมาส 1/66
ดังนั้นจึงปรับลดกำไรปี 2565-2566 ลง -15.6%/-11.7% เป็นการเติบโต 16.3% Y-Y เป็น 2.8 พันล้านบาท และ 15.9% Y-Y เป็น 3.3 พันล้านบาทตามลำดับ และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 72 บาท จาก 100 บาท โดยปรับลด PE เป็น 30 เท่า จาก 35 เท่า เพื่อสะท้อนการเติบโตที่ต่ำกว่าที่เคยคาด ยังมี Upside 11.2% ขณะที่ยังมองบวกต่อระยะกลางยาว เนื่องจากสัดส่วนรายได้ราว 70% เป็นการขายไปยัง Auto ซึ่งจะได้รับผลบวกตามการเติบโตของ EV Car ในอนาคต จึงคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน