ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ที่ประกาศแผนช่วยเหลือผู้กู้ซื้อบ้าน และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 174.93 จุด หรือ 1.30% แตะระดับ 13,619.89 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 22.33 จุด หรือ 1.50% แตะระดับ 1,507.34 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 42.67 จุด หรือ 1.60% แตะระดับ 2,709.03 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.37 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.02 พันล้านหุ้น
เมื่อคืนนี้ ประธานาธิบดีบุชออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจะช่วยเหลือเจ้าของบ้านประมาณ 1.2 ล้านรายไม่ให้ถูกยึดบ้าน อีกทั้งจะใช้มาตรการช่วยเหลือธุรกิจปล่อยกู้จำนอง ซึ่งครอบคลุมถึงการตรึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกหนี้บางรายที่อยู่ในกลุ่มที่มีปัญหามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม นายจิม เฮอร์ริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแบรด แอนด์ โค กล่าวว่า "แผนกู้วิกฤติของรัฐบาลสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อได้ แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าแผนการดังกล่าวยังไม่ใช่ 'ยาแรง' ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไปได้ ซึ่งแม้แต่นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐก็ตระหนกในข้อนี้"
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 1 ธ.ค.ลงจาก 353,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลง และก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 340,000 ราย
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจปล่อยกู้จำนอง กลุ่มก่อสร้างบ้าน และกลุ่มธนาคารได้รับแรงซื้อหนาแน่น โดยหุ้นบริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้เพื่อซื้อบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และหุ้นเคบี โฮม ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างบ้านรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 16.1%
ส่วนหุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ร่วงลง 7.6% หลังจากยอดขายของบริษัทร่วงลงเกินคาด ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--