นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายปี 65 จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 465,128 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงงานโอเลฟินส์ ได้แก่ โรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 4 เป็นเวลา 19 วัน ในช่วงไตรมาส 1/65 และหน่วยที่ 3 เป็นเวลา 39 วันในช่วงไตรมาส 2/65 และการปิดซ่อมบำรุงโรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 2/1, 2/2, 2/3 ในครึ่งปีหลังนี้ รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน HDPE และโรงกลั่น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะได้กำลังการผลิตใหม่จาก Allnex เพิ่มเข้ามา โดยจะเริ่มบันทึกกำไรเข้ามาในไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป ซึ่ง Allnex มีรายได้ปีละราว 2 พันล้านยูโร
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจ Upstream ปีนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในส่วนของ Diesel, LSFO มองว่ามาร์จิ้นค่อนข้างดี แม้ต้นทุนราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับสูง แต่ก็หนุนราคาผลิตภัณฑ์ให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย และส่งผลดีต่กำไรสต็อกน้ำมัน, ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ปีนี้อาจจะขายได้น้อย ส่วน PX, BZ ความต้องการยังดี แต่จะได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่ในจีนที่ออกมาสู่ตลาด ส่งผลให้มาร์จิ้นต่ำลง
ธุรกิจ Intermediates คาดว่าจะไม่ได้เติบโตเท่ากับปีก่อนที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 ทำให้มีความต้องการในตลาดโลกเติบโตก้าวกระโดด แต่ปีนี้จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือไม่ได้รุนแรงเท่าปีก่อน และธุรกิจ Polymers & Chemicals ยังเติบโตได้ดีตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
นายคงกระพัน กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 65-69) มูลค่า 608 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะใช้ในโครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง 3 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 จำนวน 115 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการอื่นๆ อาทิ โครงการเกี่ยวกับไอที & ดิจิทัล โครงการปรับปรุงอาคารสำนักงาน เป็นต้น จำนวน 297 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการของกลุ่มบริษัท Allnex Holding GmbH จำนวน 187 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ระยะยาว 10-30 ปี วงเงินไม่เกิน 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่เกินช่วงปลายเดือน มี.ค.65 เพื่อรองรับการลงทุนโครงการต่างๆ ของบริษัทที่จะสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต ประกอบกับเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
นายคงกระพัน กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในปี 65 จะปรับเปลี่ยนองค์กรให้ตอบโจทย์ธุรกิจเพื่ออนาคต สอดคล้อง 5 เมกะเทรนด์โลก ประกอบด้วย Climate Change & Energy Transition, Demographic Shift, Health & Wellness, Urbanization และ Disruptive Technology ที่มีผลต่อการเติบโต การดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ การแข่งขันทางการค้า การปรับเปลี่ยนทิศทางของภาคอุตสาหกรรมสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
PTTGC มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น บรรจุภัณฑ์ เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง พลาสติกเชิงวิศวกรรม ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่รอบตัวสอดรับการแนวคิดแคมเปญสื่อสาร #ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี เพื่อตอกย้ำภารกิจในการสร้างความมั่นใจว่า ทุกวัตถุดิบที่มาจาก GC ได้รับการพัฒนาให้ดีที่สุด ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดี กระบวนการผลิตและการบริหารจัดการที่ดี และ ดีต่อสิ่งแวดล้อมดีต่อโลก
เดินหน้าธุรกิจแห่งอนาคตด้วยกลยุทธ์ 3 Steps
1. Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สานต่อสร้างเสริม GC ให้เข้มแข็ง ทั้งด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพการผลิต พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกให้มากขึ้น โดยมีความก้าวหน้าโครงการ ดังนี้ โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง ของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ที่ PTTGC ร่วมทุนกับ บริษัท Kuraray และ บริษัท Sumitomo ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวน 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อรองรับเมกะเทรนด์โลก, โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) ของบริษัท HMC Polymers, การปรับโครงสร้างธุรกิจ PVC ภายหลัง VNT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขยายตลาด PVC ไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)
2. Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ allnex เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ โดยการปรับองค์กรตั้งหน่วยงานธุรกิจต่างประเทศขึ้น เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ มุ่งสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้เมกะเทรนด์โลก
3. Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) สอดรับกับเมกะเทรนด์ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change)
PTTGC ยกระดับคุณภาพชีวิตมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Together to Net Zero) โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) การขับเคลื่อนด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ (Portfolio-driven) และการขับเคลื่อนการชดเชยคาร์บอน (Compensation-driven) เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 73 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 93 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจ
นอกจากนี้ยังได้ Transform องค์กรในหลายๆ ด้าน เพื่อสนับสนุนทิศทางองค์กรและแผนกลยุทธ์ในระยะยาว ได้แก่ Digital Transformation, Market Focused Business Transformation, Lean Process and Organization Transformation รวมทั้งปรับองค์กรเพื่อการดำเนินงานด้าน Decarbonization