นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผย ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิในปี 64 ที่ 108,363 ล้านบาท เทียบกับปี 63 ที่ 37,765 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทอนุมัติการจ่านเงินปันผลงวดที่เหลือของปี 64 ที่ 0.80 บาท/หุ้น
เรื่อง : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 17 ก.พ. 2565 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 04 มี.ค. 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 03 มี.ค. 2565 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.80 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 1.00 วันที่จ่ายปันผล : 29 เม.ย. 2565 จ่ายปันผลจาก : กำไรสะสม
ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 เป็นจำนวน 2.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 57,126 ล้านบาท จากผล ประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการ ดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท นอกเหนือจากงบประมาณกิจการเพื่อสังคม ปตท. ในปีที่ผ่านมา อีกกว่า 1,646 ล้านบาท
PTT ระบุว่า ผลงานในปี 64 รวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศกว่า 400 แห่ง (ถือหุ้นทางตรง 34 แห่ง และถือ หุ้นทางอ้อม 404 แห่ง) มีกำไรสุทธิ 108,363 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของยอดขาย โดยหลักจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากความต้องการที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก รวมถึงการขยายการลงทุนทั้งในและต่าง ประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปี 63 ได้รับผลกระทบจากทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุ ดิอาระเบีย
ทั้งนี้ สัดส่วนกำไร 31% มาจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และ 69% มาจากผลตอบแทนการลงทุนใน บริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหากแบ่งตามประเภทธุรกิจ มีสัดส่วนมาจาก ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. 31% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 24% ธุรกิจปิ โตรเคมีและการกลั่น 21% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและ ค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 8% โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายน้ำมันเพียง 2% นอกจากนั้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่ม PTT ยังช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนโดยชะลอการปรับ ราคาขายปลีกน้ำมันถึงแม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น ปตท. ได้ขยายระยะเวลาการคงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และราคาขายปลีก NGV ในโครงการ "เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน" สำหรับ ผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถ แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เคยรับสิทธิ์ผ่านเว็บเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงวันที่ 15 มี.ค.65
ทั้งนี้ PTT ยังสนับสนุนส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตร สวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ถึงวันที่ 31 มี.ค.65
PTT ยังสานต่อโครงการลมหายใจเดียวกัน สนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 ร่วมจัดตั้งหน่วยวัคซีน เคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรรวมประมาณ 1,900 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจการ เพื่อสังคมในทุกมิติต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Restart Thailand จ้างนักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงาน ปี 64 จำนวน 25,000 อัตรา และ ปี 2565 จำนวน 23,000 อัตรา โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ยกระดับการเกษตรควบคู่กับพัฒนาสินค้าชุมชนและช่องทางผ่านดิจิทัลแพ ลตฟอร์ม โครงการพัฒนาการศึกษาเยาวชน PTT Group School Model พัฒนาทักษะเยาวชน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับ สนุนงบประมาณแก่ KVIS และ VISTEC ต่อเนื่อง โครงการร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อผู้ด้อยโอกาส เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้พิการ ทางการได้ยิน ผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้สูงวัย และผู้พิการทหารผ่านศึกและครอบครัว การจัดหากาแฟชุมชน โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิม พระเกียรติฯ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง อีกทั้งยังช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
"ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น เพื่อผล ตอบแทนกลับคืนสู่เศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป" นายอรรถพล กล่าว