นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายปี 65 จะเติบโต 10-15% จากปี 64 โดยตั้งเป้าขายถังแก๊สไว้ที่ 8 ล้านใบ ขณะเดียวกันก็มีแผนขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น ในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งจะมีการเปิดประมูลเร็วๆ นี้ โดย SMPC มีความพร้อมในการเข้าประมูลงานดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีประเทศในแถบแอฟริกาที่ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก ขณะที่ตลาด CLMV ก็มียอดขายดีขึ้นเช่นกัน และในปีนี้ตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดที่น่าสนใจ จากการที่รัฐบาลไทยและซาอุดิอารเบียจะมีการจับมือ Business Matching ซึ่งเป็นผลดีต่อ SMPC ที่จะรุกตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น และในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทได้งานประมูลถังในประเทศ เข้ามาเสริมมูลค่า Backlog
"ภาพรวมความต้องการถังแก๊สเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอมิครอนยังคงระบาดอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น หรือการทำงานจากบ้าน (Work from Home) จึงมีการทำอาหารรับประทานเอง ส่งผลให้ออเดอร์ถังแก๊สยังคงดีต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการขยายกำลังการผลิตถังแก๊สขนาดใหญ่ และถังสามส่วนเพิ่มมากขึ้น พร้อมรองรับความต้องการของตลาด ส่วนถังแก๊สปกติกำลังการผลิตเดินเครื่องเต็มกำลังจากออเดอร์ที่เข้ามาต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าปี 2565 บริษัทฯ จะยังมียอดขายที่เติบโตได้กว่า 10-15% ส่วนเรื่องการขนส่ง และราคาเหล็กก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด ซึ่งบริษัทฯ มีแผนบริหารและการรับมือแล้ว เพื่อรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงยึดแนวทางการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมทั้งวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต โดยการคิดค้นและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การควบคุมคุณภาพให้คงที่ การบริหารต้นทุนให้ต่ำลง และการประหยัดพลังงานให้มากที่สุด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน" นายสุรศักดิ์ กล่าว
ด้านผลประกอบการปี 64 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,550.35 ล้านบาท โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 576.97 ล้านบาท หรือ 14.5% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 3,973.38 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 64 อยู่ที่ 727.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.6% จากงวดปี 63 ที่มีกำไร 618.71 ล้านบาท สาเหตุที่ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้นจากการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก และสัดส่วนการขายถังสามส่วนที่ราคาสูงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายปี 64 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาระวางเรือขาดแคลนทำให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก เป็นผลให้สินค้าสำเร็จรูปปลายงวดคงเหลือเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ถังแก๊สยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะลูกค้าในแถบทวีปอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ค่าเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและยูโร ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องทำให้ SMPC ในฐานะผู้ส่งออกได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว
"ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าประทับใจนิวไฮทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 123.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.8% จาก 970.08 ล้านบาท เป็น 1,094.06 ล้านบาท ในขณะเดียวกันมีอัตรากำไรขั้นต้น ที่ 24% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 24.4% เป็นผลจากราคาเหล็กในตลาดโลกเพิ่มขึ้น" นายสุรศักดิ์ กล่าว