บมจ. ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) คาดว่า ในปี 51 รายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้น 2-3% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 7 พันล้านบาท หลังจากที่บริษัทจะขอขึ้นค่าผ่านทางด่วนเป็นสูงสุดที่ 55 บาท จากปัจจุบันเก็บที่ 40 บาทสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ย. 51 และคาดว่าอัตราการใช้ทางด่วนในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านคัน จากปีนี้ที่ 1 ล้านคัน
"แม้ว่าการปรับขึ้นค่าทางด่วนดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้จำนวนผู้ใช้ทางด่วนลดลง 10% ในระยะแรก แต่ในที่สุดก็จะกลับมาใช้เหมือนปกติ"นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ BECL กล่าว
นางพเยาว์ กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้บริษัทใช้ฐานคำนวณอัตราที่ปรับขึ้นตามสัญญาที่ 45 บาท เพราะเมื่อปี 46 บริษัทควรได้รับการปรับค่าผ่านทางอีก 5 บาทตามที่กำหนดไว้ในสัญญา แต่รัฐบาลขณะนั้นให้ตรึงราคาไว้ที่ 40 บาทก่อน
"เราจะยื่นหนังสือกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในเดือนมี.ค. 51 และจะใช้เวลา 6 เดือนถึงจะมีผล แต่การคุยในครั้งนี้คงจะมีการคุยกันถึงเรื่องราคาที่เหมาะสมและภาษี แต่เชื่อว่าการหารือเรื่องดังกล่าวทางการน่าจะอนุญาตในการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ เพราะไม่ได้ปรับขึ้นนานแล้ว และหากไม่ได้ปรับจะเป็นภาระของรัฐ" นางพเยาว์ กล่าว
นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ หากกทพ.อนุมัติก็จะทำให้บริษัทสามารถนำไปลดหนี้บางส่วนที่บริษัทมีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 1 พันล้านบาท จากหนี้ทั้งจำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท และในปีนี้ก็จะเป็นปีสุดท้ายที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ ส่วนปีหน้าจะใช้แบบลอยตัว ซึ่งหากไม่ขึ้นภาระก็จะเพิ่มขึ้นทันที
นางพเยาว์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวน 7.5 พันล้านบาท จากวงเงินที่ขอไว้ 3 หมื่นล้านบาท
สำหรับรายได้ในปี 50 กรรมการผู้จัดการ BECL กล่าวว่า รายได้ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเติบโต 4% เนื่องจากปริมาณจราจรในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาเริ่มลดลงหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และการเปิดใช้ทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์(วงแหวนใต้)
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--