นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติตั้งจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน 2 บริษัท ในประเทศอินโดนีเซีย และในประเทศไทย
สำหรับบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย เป็นการขยายการลงทุนรองรับความต้องการของผู้บริโภค สอดคล้องแผนบุกตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ นอกเหนือจากตลาดใน CLMV โดยมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตสินค้าป้อนตลาดในอินโดนีเซีย เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้ในช่วงปลายปี 65 นี้
ส่วนบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ในไทย เป็นการร่วมลงทุนทำธุรกิจอาหารนวัตกรรม ซึ่งเป็นสินค้า High Margin คาดว่าจะดำเนินการผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ในช่วงปลายปี 65 เช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าทั้งสองบริษัทนี้ จะเป็นอีกกำลังสำคัญที่จะสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 66 พร้อมทั้งงผลักดันรายได้และกำไรเติบโตนิวไฮได้อย่างต่อเนื่อง
นายวิวรรธน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 ทั้งรายได้และกำไรน่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจาก 64 เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทลูกเริ่มออกดอกผล การจับจ่ายในประเทศเริ่มฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ยอดขายในประเทศเวียดนามเติบโตอย่างโดดเด่น กลายเป็นตลาดส่งออกหลัก
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะลงทุนในการเข้าซื้อหรือจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อต่อยอดธุรกิจ ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงตลาดส่งออกในเวียดนามเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าไปทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา ผลักดันให้ภาพรวมผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 64 มีรายได้จากการขาย 4,277.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.3 ล้านบาท หรือ 366.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 93.8 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"รายได้และกำไรในปี 64 เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง มีปัจจัยสนับสนุนหลักคือตลาดภายในประเทศที่เริ่มดีขึ้นในทุกมิติ ทั้งสถานการณ์โควิดคลี่คลาย กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ขณะเดียวกับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม ก็พลิกกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน และในอนาคตเชื่อมั่นว่า SNNP ยังสามารถที่จะเติบโตได้มากกว่านี้ เนื่องจากบริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมจาก CLMV โดยล่าสุดที่ตัดสินจับมือพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซียจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อบุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรจำนวนมากกว่า 270 ล้านคน นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทฯ และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป"นายวิวรรธน์ กล่าว