โบรกฯ แนะ"เลี่ยง"/"เก็งกำไร"PTT ลุ้นผลคดีพรุ่งนี้แม้ฟันธงไม่ถูกเพิกถอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 13, 2007 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกฯ แนะนำทั้งหลีกเลี่ยงและเก็งกำไรหุ้น PTT ระหว่างลุ้นระทึกผลตัดสินคดีเพิกถอนการแปรรูปบมจ.ปตท.(PTT)ของศาลปกครองสูงสุดในวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น โบรกฯส่วนใหญ่ แนะชะลอการลงทุนหรือเล่นเก็งกำไรช่วงนี้ก่อนที่รู้ผลคดีชัดเจน แต่ยังคงมองหุ้น PTT เป็นหุ้นมีอนาคตที่ยังน่าลงทุนต่อ เพราะประเมินว่าศาลจะไม่เพิกถอน แต่มีความเป็นไปได้ที่ต้องแยกกิจการท่อก๊าซกลับไปเป็นของรัฐ และให้สิทธิ PTT เช่า แต่ PTT ต้องเสียค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการโอนคืนให้รัฐกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งอาจกระทบต่อกระแสเงินสด  
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อลงทุน 451
บล.สินเอเซีย ซื้อเก็งกำไร 460
บล.ซิกโก้ ซื้อเก็งกำไร 460
บล.เกียรตินาคิน ซื้อเก็งกำไร 456
บล.กสิกรไทย หลีกเลี่ยง -
บล.เอเซียพลัส หลีกเลี่ยง -
บล.กรุงศรีอยุธยา(AYS)มองผลตัดสินคดีเพิกถอนการแปรรูป PTT ทั้ง 2 ทาง คือ เพิกถอน PTT (Delist และกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจตามเดิม)และไม่เพิกถอน(คงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ) โดยเชื่อว่าทางที่ 2 มีความเป็นไปได้มากกว่า แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ ของ PTT โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นท่อส่งก๊าซฯ ที่เป็นลักษณะผูกขาดทางธุรกิจในกิจการ ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคหลักของประเทศ จะถูกตีความอย่างไร
"เชื่อว่า ”ไม่เพิกถอน” มีความเป็นไปได้มากกว่า แต่มีความเสี่ยงเรื่องอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของ PTT โดยเฉพาะประเด็นท่อส่งก๊าซฯ" บทวิจัยของ AYS ระบุ
ทั้งนี้ ประเมินความเสี่ยงประเด็นท่อส่งก๊าซของ PTT ไว้ 3 กรณี คือ แยกกิจการท่อส่งก๊าซฯ ออกเป็นอีกบริษัท แต่ PTT ยังคงถือหุ้น 100% และรับภาระภาษีจากการจัดตั้งบริษัทใหม่ , โอนท่อส่งก๊าซฯ กลับคืนให้กระทรวงการคลัง และไม่ได้รับสิทธิในการใช้ท่อส่งก๊าซฯ และ กรณีสุดท้ายโอนท่อส่งก๊าซฯ กลับคืนให้กระทรวงการคลัง และเสียค่าเช่าอสิทธิการใช้ท่อส่งก๊าซฯ
AYS ประเมินกรณีที่ 3 มีความเป็นไปได้มากสุด ภายใต้สมมติฐานอัตราค่าเช่าท่อส่งก๊าซฯ ทุก ๆ 1 บาท จะส่งผลให้กำไรสุทธิ และ EPS ลดลง 1% และมีผลทำให้ Fair Price ลดลง 5 บาท เป็น 451 บาท (จากเดิมที่ 457 บาท) อย่างไรก็ตามกรณีที่ 2 ที่เป็นกรณีเลวร้ายสุด แต่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด คาดจะกดดันให้กำไรสุทธิ และ EPS จะปรับลดลง 19% และมีผลทำให้ Fair Price ลดลง 97 บาท เป็น 359 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน จึงยังแนะให้ลงทุนระยะยาว
นส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย เชื่อว่าประเด็นเรื่องการเพิกถอน PTT คงไม่เกิด แต่กรณีที่น่าติดตามคือหากไม่เพิกถอนแล้ว PTT จะต้องทำอย่างไรต่อไปหรือไม่ โดยกรณีที่ดีที่สุดคือไม่แยกกิจการท่อก๊าซฯ คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม
แต่มองว่าแนวทางที่เป็นไปได้ คือ มีการแยกกิจการท่อก๊าซกลับคืนไปให้กับรัฐบาล แล้วให้สิทธิ PTT เช่าใช้กลับ แต่การโอนท่อก๊าซถือเป็น Asset ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเมินไว้ว่าต้องจ่ายสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อกระแสงินสด คิดเป็นต่อหุ้นเท่ากับ 4.26 บาท
"ในแง่งบกำไรขาดทุน(P&L)คงไม่มีผลกระทบ เพราะเราเชื่อว่าการที่แยกท่อก๊าซออกไปและปตท.เช่ากลับเพื่อใช้ในกาขนส่ง ซึ่งค่าเช่าที่จ่ายเท่ากับค่าเสื่อมที่ปตท.ต้องจ่าย แต่เราคิดว่าช่วงนี้ เรายังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไร คิดว่าไม่ควรเสี่ยง เราคิดว่าถ้าจะลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ก็เปลี่ยนไปเล่นตัวอื่น คิดว่าควรจะรอความชัดเจนก่อน คิดว่าถอดถอนคงไม่เกิดแน่ แต่ให้จะซื้อเพิ่มไหม เราคงไม่แนะนำดีกว่า"น.ส.มยุรี กล่าว
บล.เกียรตินาคิน มองกรณีที่เป็นไปได้คือไม่เพิกถอน PTT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ แต่มีเงื่อนไขที่อาจต้องแยกธุรกิจท่อก๊าซออกมา และจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจท่อก๊าซดังกล่าว โดย PTT ถือหุ้น 100% ซึ่ง PTT จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการโอนสินทรัพย์ดังกล่าว โดยคาดว่าต้องจ่ายภาษีประมาณ 11,453 ล้านบาท หรือประมาณ 4.07 บาทต่อหุ้น
ด้านนายพงศ์พันธ์ อภืญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่าโอกาสน้อยที่จะเพิกถอน PTT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ แต่อาจจะมีการจัดการเรื่องท่อก๊าซ ซึ่งไม่ได้อยู่ในการวินิจฉัยของศาล แต่น่าจะเป็นเรื่องต่อเนื่องหลังมีคำตัดสินของศาลออกมาแล้ว
"ผมคิดว่าคงมีโอกาสไม่โดนอะไรมาก แต่ศาลในวันที่ 14 ธ.ค.จะตัดสินว่าจะถูกเพิกถอนหรือไม่เพิกถอน แต่อาจะมีบทเฉพาะกาลให้ทำงานต่อ ผมมองว่าโอกาสถูกเพิกถอนน้อยเพาะการแปรรูปก็ไม่ได้ผิด แต่วีธีการนำเข้าหรือรายละเอียดอาจไม่ถูกต้อง"นายพงศ์พันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าหากในช่วงนี้ราคาลงไปที่ราคา LOW เดิมที่ 340-350 ก็ น่าเข้าไปลงทุน เพราะโอกาสถูก delist คงยาก และหุ้น PTT ก็ยังเป็นหุ้นที่ดี
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส ประเมิน 4 แนวทาง ได้แก่ ให้เพิกถอนจากตลาด , อยู่ต่อเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง , ให้นำท่อก๊าซส่วนที่มีปัญหาออกมา มาเป็นของรัฐ หรือให้ปตท.เช่าและบริหารต่อ
ถ้าผลออกมาเป็นแนวทาง 3 หรือ แนวทาง 4 มูลค่าหุ้นของ PTT จะลดลงไป และความเสียหายอยู่กับผู้ถือหุ้น กรณีที่ดีที่สุด แนวทางที่ 3 ที่โอนกิจการท่อก๊าซคืนรัฐ PTT อาจจะสะดุดในการทำธุรกิจ จะมีช่วงเจรจาเช่าท่อก๊าซ ก็ไม่มีผลต่อหุ้นมากนัก แต่บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
"คำแนะนำก็คือไม่ลงทุนจนกว่าจะฟังผลวันที่ 14 ซื้อแพงไม่ว่า ขอให้มีความชัดเจน ถ้าซื้อถูกแต่ไม่รู้อนาคตก็จะขาดทุน"นายภูวดล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ