ราคาหุ้น AGE พุ่ง 8.84% หรือเพิ่มขึ้น 0.32 บาท มาที่ 3.94 บาท มูลค่าซื้อขาย 260.16 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.15 น.จากราคาเปิด 4.00 บาท ราคาสูงสุด 4.08 บาท ราคาต่ำสุด 3.82 บาท
บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) รายงานกำไรสุทธิในปี 64 ที่ 638.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.6% จากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 247.69 ล้านบาท และในไตรมาส 4/64 มีกำไรพุ่ง 300% รับอานิสงส์ราคาพลังงานขาขึ้น
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร AGE เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 64 ถือว่าเป็นปีที่ AGE มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการขยายยอดขายถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้ให้บริการโลจิสติกส์ฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ประกอบกับการที่ AGE เป็นผู้ประกอบการจัดหา และจัดจำหน่ายถ่านหิน สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ที่มีความพร้อมทั้งด้านการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีระบบโลจิสติสก์ที่ครบวงจร ทำให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าราคาถ่านหินโลกช่วงปีที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างสูง
ในปี 64 บริษัทมีรายได้รวมจากธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ฯ 12,883.6 ล้านบาท เติบโต 63.1 % และกำไรสุทธิอยู่ที่ 638 ล้านบาท เติบโต 157.6 % เมื่อเทียบกับ 63
ผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยอัตราการเติบโตดังกล่าวแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ธุรกิจถ่านหิน 12,413.7 ล้านบาท เติบโต 64.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมียอดขายถ่านหินในต่างประเทศ 0.3 ล้านตัน ลดลง 48.61% เมื่อเทียบกับปี 63 และปริมาณยอดขายถ่านหินในประเทศ 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 27% ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 64 บริษัทมีปริมาณยอดขายถ่านหินรวม 5.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15.8% นับเป็นสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขยายตัวอย่างโดดเด่นมาก ในปี 64 มีรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ 2,002 ล้านบาท เติบโต 40% เมื่อเทียบกับ 63 แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการกับกลุ่มบริษัทในเครือ AGE จำนวน 1,532 ล้านบาท และรายได้จากบริการกลุ่มลูกค้าภายนอก 470 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้การให้บริการบริษัทในเครือที่ 76.5% และกลุ่มลูกค้าภายนอก 23.5%
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นอัตรา 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็น เงินสด 0.2070 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้มีอัตราการจ่ายปันผลรวม 0.2695 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 14 มี.ค.65 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 17 พ.ค.65
นายพนม กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 65 ที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหิน 6.5 ล้านตัน โดยยังมุ่งเน้นการขยายตลาดธุรกิจถ่านหินทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า รวมถึงขยายการให้บริการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และได้มีการเซ็นสัญญาการให้บริการขนส่งสินค้าล่วงหน้าจำนวน 3 ล้านตันในเวลา 3 ปี
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหินในปี 65 ปัจจุบันมีสัญญาณความต้องการใช้ถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ยังมีต่อเนื่อง เพราะถ่านหินถือเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนที่ต่ำ เมื่อเทียบกับต้นทุนเชื้อเพลิงจากชนิดอื่นๆ บริษัทคาดการณ์ว่าการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย ยังมีปริมาณที่คงที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า