นายพงศานติ์ คล่องวัฒนกิจ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 65 เติบโต 30-40% จากปีก่อน โดยการเติบโตของยอดขายในปีนี้จะมาจากปัจจัยหนุนของกลุ่มสินค้าแอลกอฮอล์ ที่บริษัทคาดว่าจะมียอดขายที่สูงกว่า 50% ในปีนี้ ซึ่งบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 แบรนด์ ได้แก่ ข้าวหอม และโซจูแทยัง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถทำยอดขายเติบโตได้สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเติบโตได้ราว 100% และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ออกมาเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะเสริมการเติบโตของยอดขายได้มากขึ้น
ขณะที่กลุ่มสินค้านอน-แอลกอฮออล์ คาดว่าจะมีการเติบโตในปีนี้ที่ 20% ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท ที่ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวกลับมา หลังจากที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นแรงงานได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในปีก่อน และยังไม่กลับมาทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังชะลอตัวลงไป แต่อย่างไรก็ตามมองว่าในตลาดต่างประเทศที่บริษัทมีการจำหน่ายสินค้าอยู่ ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา ลาว เวีดยนาม จีน และอังกฤษ จะเป็นตัวช่วยในการฟื้นตัวของยอดขายกลุ่มสินค้านอน-แอลกอฮออล์ ที่ตลาดในต่างประเทศสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว
ด้านงบลงทุนของบริษัทในปี 65 ตั้งไว้ที่ 600 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของเครื่องจักรในโรงงานของบริษัท พร้อมกับการที่บริษัทยังคงมีการลดต้นทุนต่างๆลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีต่อเนื่อง และทำให้ผลการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) ที่จะพยายามรักษาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยที่จะมีค่าใช้จ่ายในการตลาดอยูที่ 3-5% ต่อปี รวมถึงต้นทุนการผลิต ซึ่งปัจจุบันยอมรับว่าต้นทุนอลูมิเนียมที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับใช้บรรจุภัณฑ์
นายร่มธรรม เศรษฐสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ CBG กล่าวว่า ผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทจะมีการพิจาณาปรับเพิ่มราคาขายส่งเครื่องดื่มในประเทศเพิ่มขึ้น 1-2% แต่ยังคงราคาขายปลีกไว้เท่าเดิม และอยู่ระหว่างการดูท่าทีด้านการปรับราคาขายปลีกของคู่แข่งว่าจะเป็นอย่างไร โดยในส่วนของเครื่องดื่มชูกำลังบริษัทมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีก่อน และคาดว่าจะค่อยๆเห็นการฟื้นตัวในปีนี้กลับมา หากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลงอย่างชัดเจน และไม่มีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นในปีนี้
ขณะเดียวกันบริษัทพยายามแตกไลน์เครื่องดื่มกลุ่มใหม่ออกมาเพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการทำการตลาดและขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีการขยายไลน์เครื่อง Functional ที่มีส่วนผสมของกัญชงเข้ามาเสริม ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2/65 โดยที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาและการจัดหาวัตถุดิบกัญชงมารองรับการผลิต ซึ่งยอมรับว่าในปัจจุบันซัพพลายของกัญชงที่มาใช้ในอุตสาหกรรมยังค่อนข้างมีจำกัด
นอกจากนี้บริษัทยังมีการเพิ่มไลน์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ให้มาร์จิ้นที่ดีกับบริษัทในระดับที่มากกว่า 10% รวมถึงเตรียมขยายตลาดใหม่เพิ่มในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งจะมีการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในปีนี้