ราคาหุ้น SPRC บวก 1.71% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาที่ 8.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 116.73 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.13 น. จากราคาเปิด 8.95 บาท ราคาสูงสุด 9.00 บาท ราคาต่ำสุด 8.85 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) จากเดิม"ถือ" และปรับเป้าขึ้นเป็น 11.50 บาท (เดิม 10.50 บาท) อิง 2022E PBV ที่ 1.30x (เท่ากับ -0.25SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี)
SPRC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 1.9 พันล้านบาท (+115% YoY, +1,544% QoQ) สูงกว่าตลาดและเราคาด 37% และ 51% ตามลำดับ หลักๆจากค่าการกลั่นตลาด (market GRM) และกำไรจากสต๊อกน้ำมัน (stock gain) ที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้กำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น YoY และ QoQ หลักๆเป็นผลจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 ซึ่งมีปัจจัยผลักดันมาจากอุปสงค์ gas-to-oil จากภาวะขาดแคลนพลังงาน
ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ 2564 ที่ 0.1785 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นผลตอบแทน 2.0%) โดยขึ้น XD วันที่ 7 มี.ค.65
เคทีบีเอสที ปรับประมาณการกำไรหลักปี 2565 ขึ้น 25% เป็น 5.7 พันล้านบาท เทียบกับ 4.6 พันล้านบาท ในปี 2564 หลักๆเพื่อสะท้อนกำไรจาก stock gain ที่สูงขึ้นในปี 2022E ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย ที่เราคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 75.00 เหรียญ/บาร์เรล จาก 69.2เหรียญ/บาร์เรล ใน 2564 อีกทั้งเราคาดด้วยว่า 2565 market GRM จะสูงขึ้นเป็น 4 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิม 3.9 เหรียญ/บาร์เรล จากการฟื้นตัวที่เร็วกว่าคาดของ crack spread
อย่างไรก็ดี เราปรับประมาณการกำไรสุทธิ 2565 ลง 5% เป็น 4.6 พันล้านบาท เพื่อรวมผลกระทบจากการตั้งสำรองที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ จ.ระยอง
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น outperform SET 2% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสอดคล้องกับแนวโน้ม crack spread ที่สูงขึ้นจากเหตุการณ์ขาดแคลนพลังงานทั่วโลกทำให้เกิดอุปสงค์ gas-to-oil switching ปัจจุบัน SPRC เทรดอยู่ที่ 2022E PBV 0.98x (ประมาณ -1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี) เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมานั้นมากเกินไปและได้รวมความเสี่ยงจากการตั้งสำรองที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไปแล้ว แต่ยังไม่ไดสะท้อนแนวโน้ม crack spread ที่แข็งแกร่ง