นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) อ้างอิงหลักทรัพย์บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BABA80) ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ถือเป็น DR รายแรกที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญในไทยที่อ้างอิงกับราคาหุ้น Alibaba Group ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งบริษัท Alibaba ถือเป็นบริษัทด้าน Ecommerce ระดับโลก ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีต่างๆที่อยู่ในเครือมากมาย ซึ่งครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวขอ้งกับการเงิน Cloud computing และบริการขนส่ง
โดยที่ BABA80 จะเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับนักลงทุนในประเทศที่สามารถเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสในการลงทุนในบริษัทระดับโลก ที่นักลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย มีขันตอยการลงทุนที่ง่าย และไม่เสียค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยนที่ซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นการสร้างความเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นพันธกิจของธนาคารกรุงไทยที่ต้องการสร้าง ESG Financial Solution
นายวรงค์ วงศ์สินอุดม ผู้อำนวยการฝ่าย Market Solutions and Innovation ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า Alibaba เป็นหนึ่งในหุ้นที่ทุกคนรู้จัก แม้ว่าจะเป็นบริษัทจากประเทศจีน แต่มีการทำธุรกิจไปทั่วโลก ทำให้ Alibaba ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับโลก และมีการเติบโตทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านสภาพคล่องของ BABA80 ทางผู้จัดจำหน่ายได้มีการบริหารสภาพคล่องของ BABA80 อย่างเหมาะสมที่สอดคล้องกับดีมานด์และซัพพลายของตลาด โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องมีความกังวลในเรื่องสภาพคล่องของ BABA80 และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการซื้อขายอยู่ในกระดานการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และซื้อขายด้วยสกุลเงินบาท ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้อง และสามารถลงทุนได้อย่างง่าย
นอกจากนี้ทางธนาคารเตรียมนำ DR ที่อ้างอิงหลักทรัพย์จากต่างประเทศใหม่ๆเพิ่มเข้ามาในปีนี้ ซึ่ง DR ต่อไปที่จะนำเสนอให้กับนักลงทุนยังคงเป็นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคย คือ เทนเซ็นต์ (Tencent)
นางสาวจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กลาว่า ธุรกิจของ Alibaba Group ยังคงมีธุรกิจ Ecommerce ที่ยังเป็นธุรกิจหลักในสัดส่วน 80% ที่มีการทำธุรกิจหลากหลายรูปแบบทั้ง B2C B2B และ C2C รวมถึงการขยายแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Ecommerce ให้มีความหลากหลาย ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจ Ecommerce ของ Alibaba Group ได้เติบโตเฉลี่ย 40-50% ต่อปี และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโต 30-40% ต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ใหญ่
ขณะเดียกัน Alibaba Group ยังมีการกระจายธุรกิจไปยัง Cloud Computing ที่เป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมการขับเคลื่อนการเติบโตให้กับ Alibaba Group โดยที่ในธุรกิจ Cloud Computing ของ Alibaba Group มีการเติบโตที่สุงถึง 80-100%
อย่างไรก็ตาม Alibaba Group ยังมีปัจจัยกดดันจากการที่ในเรื่องกฎเกณฑ์และกฎระเบียบที่ทางรัฐบาลจีนออกมาอยู่บ้าง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเกิดความกังวล และส่งผลต่อการปรับลดลงของราคาหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของ Alibaba ปรับตัวลดลงไปกว่า 60% จากผลกระทบดังกล่าว แต่หากมองในแง่ของปัจจัยพื้นฐานของ Alibaba ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยที่การเติบโตด้านกำไรของ Alibaba Group ในช่วงปี 65 จากการประมาณการของนักวิเคราะห์ยังคาดว่าเห็นการเติบโตได้ 10-20% และรายได้จะมีการเติบโตมากกว่า 80% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้นที่ลดลงมาค่อนข้างมาก ถือว่า Alibaba Group มีความน่านสนใจสำหรับนักลงทุนที่เป็น Alpha Investor เพราะราคาหุ้นถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูก จากระดับของ P/E ที่ปรับลดลงมาจาก 14-15 เท่า เหลือ 12 เท่า ในปี 65 ทำให้การลงทุน Alibaba Group มีความน่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นระดับโลกที่ราคาไม่แพง และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง