นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 บริษัทยังคงโมเดลธุรกิจ "Total Lighting Solution Provider" การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร ควบคู่ innovation สร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ในยุคเทคโนโลยี 5G โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 65 เติบโต 20% จากปี 64 โดยที่จะมาจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่เพิ่มขึ้น และงานที่เลื่อนมาจากปี 64 และงานที่ผลิตเป็นจำนวนมากที่ส่งออกไปสหรัฐฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 20-25% (คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 20% ของรายได้ทั้งหมด)
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงานใหญ่ เช่น Lotus's โครงการประหยัดพลังงานระบบแสงสว่างประจำปี 65 ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่เริ่มทยอยกลับมาดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างอีกครั้งหลังจากหยุดไประยะหนึ่งจากผลของโควิด-19 และยังมีงานภาครัฐ เช่น อาคาร ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาโซน C แจ้งวัฒนะ ไฟส่องอาคารสถานีรถไฟฟ้าสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น
"เรามองว่าปี 65 ความต้องการสินค้า IoT SMART POLES , Horticulture Lighting และ L&E virtual studio ที่ตอบโจทย์ยุค metaverse คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ โดยบริษัทได้ปรับปรุงโชว์รูมรัชดาโฉมใหม่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองลูกค้าที่จะมาเลือกชมสินค้าจากหน้าร้าน พร้อมเปิด Virtual โชว์รูมเสมือนจริงเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุค 5G ที่สามารถชมโชว์รูมผ่านออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน" นายอนันต์ กล่าว
ขณะที่การใช้กำลังการผลิตของบริษัทลูก ทั้ง LEM & LES ปัจจุบันอยู่ที่ 75% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว จากออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น และจุดแข็ง ซึ่งประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาพร้อมพัฒนาระบบรวมทั้งเครื่องจักร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนในสายการผลิต เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และเปิดโอกาสในการหาลูกค้ารายใหม่ ดังนั้น อานิสงส์จากความร่วมมือส่งผลให้ LEM และ LES สามารถส่งออกสินค้าสู่ตลาดใหม่ๆทั่วโลก