(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: หุ้นแบงค์สดใส หนุนฮั่งเส็งปิดพุ่ง 213.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 6, 2007 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมนโยบายของธนาคารในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นอัตราการปล่อยกู้ของธนาคาร
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นก็เป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบลูชิพ ซึ่งรวมถึงหุ้นไชน่า โมบายด้วย
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งปิดพุ่งขึ้น 213.47 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 29,558.92 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 29,530.32 จุดและ 29,889.35 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.2514 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง
"นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคึกคักในปีหน้า และจะกลายเป็นปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการปล่อยกู้จำนองให้สูงขึ้น" โทนี่ ทอง นักวิเคราะห์จากไชน่า เอเวอร์ไบรท์ รีเสิร์ชกล่าว
ปัจจัยบวกต่างๆจากสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจกับกระแสข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยคาดว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.25% ในที่ประชุมนโยบายของธนาคารในสัปดาห์หน้า
"มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.25%" เบนจามิน คอลเล็ทท์ หัวหน้าฝ่ายเฮดจ์ฟันจากไดว่า ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
หุ้นบริษัทจีนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนไม่สนใจประกาศที่ว่า จีนอาจปรับใช้นโยบายคุมเข้ม เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและบรรเทาความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ
หุ้นฮัทชิสัน เทเคลคอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด ปิดบวกขึ้น จากกระแสข่าวที่ว่าฮัทชิสัน วัมเปา กำลังจะซื้อหุ้นในบริษัท ฮัทชิสัน เทเลคอมมิวนิเคชั่น เป็นเงินมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์
หุ้นไชน่า โมบายทะยานขึ้น 80 เซนต์
ทางการจีนกล่าวเมื่อวานนี้ว่า จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในปี 2551 จาก "นโยบายรัดเข็มขัด" มาเป็น "มาตรการคุมเข้ม" เพื่อควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันจีนได้ใช้นโยบายรัดเข็มขัดมานานนับทศวรรษ
นักสังเกตการณ์ตลาดคาดการณ์ว่า จีนจะปรับใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อในประเทศ โดยกระทั่งถึงทุกวันนี้จีนได้ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 5 ครั้งในปีนี้ และขึ้นเพดานสำรองเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้ที่ธนาคารกลางแล้ว 8 ครั้ง เพื่อปรับลดการกู้ยืมและการลงทุน และควบคุมอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนเติบโตโดยเฉลี่ยรายปีกว่า 11% ในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารในฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ความต้องการการกู้ยืมเพิ่มขึ้น
โดยหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ในเครือของฮั่งเส็ง แบงค์ บวกขึ้น 8.10 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 5.1% และหุ้นแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย ปิดเพิ่มขึ้น 2.95 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 5.3%
หุ้นบีโอซี ฮ่องกง ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากในตลาดปล่อยกู้จำนอง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 5.3%
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงส่งผลให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการฝากเงินมาเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลกำไรดีกว่า อาทิ การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ความต้องการซื้อบ้านในฮ่องกงเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า ภาคธุรกิจการเงินของผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้ร่วงลงต่ำสุดในช่วงระหว่างปี 2540-2546 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยผู้คนจำนวนมากต่างกำลังเร่งลดหนี้ของตัวเอง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากความจริงที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ต่างๆในฮ่องกงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตตลาดสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากปัญหาตลาดซับไพรม์ของสหรัฐมากนัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ