บมจ.สาลี่ คัลเลอร์ (COLOR) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้บริษัทออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 (COLOR-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนรวมไม่เกิน 58,896,462 หน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights offering) ในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น อายุไม่เกิน 2 ปี ราคาการใช้สิทธิ 1.71 บาท ต่อหุ้น
พร้อมทั้งเสนอเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 58,896,462 บาท จากเดิม 588,964,618 บาท เป็นจำนวน 647,861,080 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่จำนวน 58,896,462 หุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ COLOR-W2
คณะกรรมการบริษัท ระบุวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 10 มี.ค.65 วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 25 เม.ย.65, กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการได้รับการจัดสรร COLOR-W2 วันที่ 6 พ.ค.65, กำหนดวันออก COLOR-W2 และจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิวันที่ 6 มิ.ย.65
นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ COLOR เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 65 บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้เติบโต 15% จากปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านบริษัทย่อย บริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ จำกัด ล่าสุดได้งานผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) เพื่อใช้สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Floating PV System) ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ และมาจากธุรกิจเดิม ธุรกิจอุตสาหกรรมพลาสติกที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจุบันการผลิต Floating กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ บริษัทได้ติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อย ตอนนี้ออเดอร์เต็มกำลังการผลิตแล้ว จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ ม.ค.นี้ และบริษัทฯวางแผนที่จะสั่งเครื่องจักร กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีสูง เช่น ลูกค้าภาคเอกชน การนิคมฯ เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ยอดขายยังคงมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194 ล้านบาท หรือ 19.48% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 995 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 57.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.90 ล้านบาท หรือ 3.41% จากงวดเดียวกันมีกำไรสุทธิ 55.61 ล้านบาท
ขณะที่ปี 64 มีรายได้รวม 1,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.48% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 995.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.51 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.41% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 55.63 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายในส่วนธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บรรจุภัณฑ์ อุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์พลาสติกเกี่ยวข้องอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ถาด ถ้วย ถุง ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีการจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายควบคู่ไปกับการผลิตปริมาณมากขึ้นทำให้ต้นทุนต่อหน่วยการผลิตลดลง