นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปี 65 กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น 2,500-3,000 ล้านบาท เนื่องจากเตรียมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิต 1,290.69 เมกะวัตต์
- โรงไฟฟ้าสหโคเจนชลบุรี และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่ม รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 124.95 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51.67%) ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการตั้งแต่ม.ค.65
- โรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน อินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 930.78 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 45.52%) โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไร ภายหลังธุรกรรมการซื้อหุ้นเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนมิ.ย.65
- โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 145.15 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) คาดเริ่มรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไร ตั้งแต่เดือนก.พ.65
- โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน เวียดนาม กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไร ตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้
- โรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่นส่นวขยาย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 31.19 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 99.97%) คาดเริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการ ก.ย.นี้เป็นต้นไป
- โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช ระยอง กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 45.08 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรในเดือนเม.ย.65
นอกจากนี้ธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า (Non-Power Business) บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 10% ในบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกกอกโมโนเรล จำกัด ที่คาดจะเปิดให้บริการ (บางส่วน) รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง เดือนส.ค.นี้ และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง สปป.ลาว (บริษัทถือหุ้น 25%) มีกำหนดการผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/65
นางสาวชูศรี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 30,000 ล้านบาทใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า 93% และธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า 7% โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ราว 700 เมกะวัตต์ มาอยู่ที่ 9,815 เมกะวัตต์ จากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าประเภท Renewable ไม่ว่าจะเป็น ลม โซลาร์ หรือจีโอเทอร์มอล โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา 5 ดีล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ รวมไปถึงการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ
บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มการลงทุนกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนปีละ 250 เมกะวัตต์ และจะต้องเพิ่มขึ้นให้ถึง 2,500 เมกะวัตต์ในปี 68 และ 4,000 เมกะวัตต์ในปี 78 เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ 10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตามลำดับ กอปรกับแผนการปลูกและอนุรักษ์ป่าไม้ที่จะดำเนินการตั้งแต่ปี 65-77 พื้นที่รวม 50,000 ไร่ คาดว่าจะช่วยดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 670,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
"ในปี 65 บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์ 3-G (Growth, Green, Generate Strategy) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย G-1 มุ่งเน้นแสวงหาโอกาสเติบโตเพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่ากิจการเพิ่มในอนาคต G-2 สนับสนุนพลังงานทดแทน และยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ G-3 เน้นเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและความเป็นเลิศขององค์กร
นอกเหนือจากเป้าหมายการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จแล้ว บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะยกระดับการจัดการประเด็นด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งได้วาง 6 แนวทางในการดำเนินงาน นับตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนต่อเนื่องทุกปี การกระจายการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำ การเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและพลังงาน การปลูกป่าเพื่อสร้างแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกำหนดสัดส่วนประเภทเชื้อเพลิงสำหรับการลงทุน และจำกัดเพดานการลงทุนเชื้อเพลิงถ่านหิน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แนวทางดังกล่าวนี้จะช่วยจำกัดและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง" นางสาวชูศรี กล่าว
ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าล็อตแรกจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงเดือนก.ย.66 เพื่อนำมาทดสอบระบบโรงไฟฟ้า มองว่าการเจรจาน่าจะทำได้ตามแผนและปัจจุบันไม่ได้ติดขัดขั้นตอนใดๆ ขณะที่คาดว่าโรงไฟฟ้าหินกองจะเริ่ม COD ได้ภายในปี 67-68