ตลาดหลักทรัพย์ให้ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ชี้แจงงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2550 เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการซื้อขาย
เงินลงทุนและรายการอื่นที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน หลังผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานงบการเงิน ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 14 ธ.ค 50 ในประเด็นต่างๆดังนี้
ประเด็นการซื้อหุ้นปิคนิคมารีน เรื่องการโอนหุ้นนวคุณให้แก่กลุ่ม Teledata ด้วยมูลค่า 100 ลบ. เพิ่มเติม โดยให้ลำดับเหตุการณ์และลักษณะรายการซื้อขายหุ้นปิคนิคมารีน การหักกลบลบหนี้ระหว่างกลุ่ม PICNI และกลุ่ม Teledata โดยเริ่มตั้งแต่กลุ่ม PICNI ให้กู้แก่ปิคนิคมารีน 204 ลบ.
ให้อธิบายการประกอบธุรกิจและทรัพย์สินหลักที่ใช้ในการประกอบธุรกิจของปิคนิคมารีน และนวคุณ ก่อนและหลังที่กลุ่ม PICNI ได้หุ้นปิคนิคมารีน อีก 70% และโอนหุ้นนวคุณออก 100%, หลักเกณฑ์พิจารณามูลค่าหุ้นนวคุณ 100 ลบ. และให้ระบุความเห็นของคณะกรรมการบริษัทว่า ราคาจ่ายซื้อหุ้นละ 50 บาทเหมาะสมหรือไม่อย่างไร โดยที่ PICNI แจ้งว่าเมื่อปี 48 ขายหุ้นปิคนิคมารีนออกไป 3.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 58 บาท รวม 203 ลบ. ซึ่งราคาดังกล่าวได้รวมหุ้นนวคุณ 100% ด้วย และเนื่องจากงบที่ใช้พิจารณาเป็นงบก่อนสอบทาน ณ 31 ส.ค. 50 คณะกรรมการบริษัทมีการพิจารณาอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าสถานะและผลการดำเนินงานของกิจการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงปิคนิคมารีน มีภาระผูกพันนอกเหนือจากข้อมูลในงบการเงิน หรือกลุ่ม PICNI ต้องรับภาระผูกพันใด ๆ ที่มีต่อรายการซื้อขายหุ้นปิคนิคมารีนและการโอนหุ้นนวคุณ หรือไม่ อย่างไร
นอกจากนี้เหตุใดกลุ่ม PICNI จึงลดหนี้ 29 ลบ. ให้แก่กลุ่ม Teledata ทั้งที่กลุ่ม Teledata ยังเป็นหนี้ค่าหุ้น SSP อีก 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ประเด็นที่สอง เรื่องการขายหุ้น SSP ว่านอกจากการถือหุ้นใน SSP แล้ว SSP มีภาระผูกพันหรือหนี้สินที่ต้องจ่ายชำระกลุ่ม PICNI หรือไม่ อย่างไร เหตุใดจึงกำหนดเงื่อนไขให้กลุ่ม Teledata ชำระหนี้ส่วนของ SSP ทั้งนี้ให้ระบุรายชื่อเจ้าหนี้ของ SSP ความสัมพันธ์กับกลุ่ม PICNI (ถ้ามี) และหนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากที่ PICNI เข้าลงทุนใน SSP
เหตุใด PICNI จึงตกลงโอนหุ้น 76% ที่ขายให้แก่กลุ่ม Teledata ในขณะที่ยังมิได้รับชำระเงินและ ณ ขณะนั้นคณะกรรมการบริษัทได้ประเมินความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงิน หรือไม่ อย่างไร และเหตุใด PICNI จึงพิจารณาตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลูกหนี้ค่าหุ้น SSP เต็มจำนวน และให้ระบุแนวทางการติดตามหนี้ การดำเนินการกับหุ้นในส่วนที่โอนให้กลุ่ม Teledata แล้ว เช่น การขอโอนหุ้นกลับมาและการดำเนินการกับหุ้นในส่วนที่ฝากไว้ที่ตัวแทน
ประเด็นที่สาม เรื่องความล่าช้าในการโอนหุ้นบจก. เอ็นเนซอล ส่วนที่เหลือให้ บมจ. อีสเทิร์นไวร์ (EWC) ซึ่ง PICNI ได้ทำสัญญาขายเงินลงทุนในบจก. เอ็นเนซอล จำนวน 1.2 ล้านหุ้น ให้แก่ EWC ปัจจุบัน PICNI ยังไม่ได้ทำการโอนหุ้นจำนวน 109,090 หุ้น และรับชำระเงินส่วนที่เหลือจาก EWC โดยขอให้ PICNI ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุใด PICNI จึงไม่ดำเนินการโอนหุ้นจำนวน 109,090 หุ้น ให้แก่ EWC เพื่อรับชำระเงินส่วนที่เหลือ และหุ้นดังกล่าวขณะนี้ยังติดภาระใดๆ อยู่หรือไม่, ประเมินความเสี่ยงจากการถูกบอกเลิกสัญญา รวมทั้งรายงานความคืบหน้าในการโอนหุ้นดังกล่าว
ประเด็นเรื่องการซื้อที่ดินและโรงบรรจุก๊าซ 4 แห่ง แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ โดยให้ PICNI ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่าเหตุใด WGT จึงจ่ายเงินล่วงหน้าค่าตอบแทนสิทธิการเช่า 143 ลบ. ให้กับผู้ขาย ทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้ผู้เช่าเดิมย้ายออก ขณะนั้นคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาประเด็นความเสี่ยงในการซื้อที่ดินและโรงบรรจุก๊าซ โดยที่มีผู้เช่าเดิมและไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ทันทีก่อนเข้าทำสัญญา หรือไม่ อย่างไร
โรงบรรจุก๊าซแห่งใดบ้างที่ WGT ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ และอธิบายถึงผลกระทบต่อการดำเนินงานของ WGT
สรุปสาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงชดเชยความเสียหายระหว่าง WGT และนายอนกูล ตั้งเรืองเกียรติ รวมทั้งวิธีการกำหนดค่าความเสียหาย รวมทั้งระบุวันที่ WGTได้รับคืนเงินจำนวน 19 ลบ. กรณียังไม่ได้รับชำระคืนให้ระบุการดำเนินการติดตาม
ประเด็นสุดท้าย เรื่องหนี้สินจากการถูกฟ้องร้อง PICNI มีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งยังไม่ทราบข้อยุติของคดี PICNI จึงยังไม่บันทึกเป็นหนี้สินที่เกิดจากการฟ้องร้องไว้ในงบการเงิน โดยให้ PICNI ระบุทุนทรัพย์ที่ถูกฟ้องร้องของคดีดังกล่าว พร้อมทั้งผลกระทบที่มีต่อฐานะทางการเงิน หากต้องบันทึกเป็นหนี้สิน100%)
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--