นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทงวดปี 64 สิ้นสุด 31 ธ.ค.64 บริษัทมีรายได้รวม 284.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% เมื่อเทียบกับปี 63 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 112.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 98.1% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 56.5 ล้านบาท
สาเหตุที่กำไรในปี 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด มาจากรายได้จากส่วนงานเกมและอินโนเวชั่น มีจำนวน 67.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 63 จำนวน 50.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 299.4% เนื่องจากในปี 64 บริษัทมีออกเกมใหม่ คือ Home Sweet Home Survive ซึ่งเปิดให้ผู้เล่นได้ใช้งานและสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯในปี 64
ขณะที่รายได้จากส่วนงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นในปี 64 มีจำนวน 107.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 7.9% เนื่องจากบริษัทรับผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มลูกค้ารายหลักจะเป็นลูกค้าต่างประเทศและได้รับโปรเจคที่มีมูลค่าสูงขึ้น
ส่วนรายได้จากส่วนงานโฆษณาและภาพยนตร์ในปี 64 มีจำนวน 108.9 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.7% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญจากปีก่อน แต่ส่วนงานนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จากอัตรา 40% เป็นอัตรา 51%
สำหรับในปี 65 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% โดยทุกธุรกิจของบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรุกไปสู่ต้นน้ำในทุกกลุ่มธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยธุรกิจของ YGG เติบโตตามเทรนด์ของตลาดโลก
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับรูปแบบการบริหารงานโดยได้รุกไปสู่ต้นน้ำในทุกกลุ่มธุรกิจเพื่อทำให้อัตรามาร์จิ้นและกำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากปี 64 มีกำไรขั้นต้นจำนวน 128.7ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเป็นอัตรา 39% เนื่องจากบริษัทฯมีการจำหน่ายเกมใหม่ Home Sweet Home Survive โดยในส่วนของงานนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นจากปีก่อน 33% เพิ่มเป็น 45% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกส่วนงานในปี 64 อยู่ที่ 45.2% เพิ่มขึ้นอัตรา 4.3%
ขณะเดียวกันการที่บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์ จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับบริษัทได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการไปร่วมทำธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศ รวมทั้งยังช่วยให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้นเพื่อต่อยอดทำธุรกิจกับพันธมิตร นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น(ฟรีโฟลท)ในตลาดให้กับหุ้นบริษัทอีกด้วย
สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่า 180 ล้านบาท
"การเพิ่มทุนของบริษัทได้รับความสนใจจากผู้ถือหุ้นดีมาก ส่วนแผนการย้ายเข้ามาอยู่ใน SET มองว่าเป็นการเติบโตของบริษัท ที่สะท้อนให้เห็นจากทั้งกำไร รายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาใน SET ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท ส่งผลต่อเครดิตความน่าเชื่อถือในธุรกิจของบริษัท สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า" นายธนัชกล่าว